พระเครื่องทั้งหมด 964 ชิ้น 
     ตะกร้าพระเครื่อง : (0) 
ประเภทพระเครื่อง
ภาพวาดผลงานศิลปิน,รูปถ่ายเก่าซีเปีย (130) พระกริ่ง รูปหล่อ เหรียญหล่อ (81) เหรียญพระพุทธ เหรียญเกจิ เหรียญที่ระลึก (35) เครื่องราง (182) พระปิดตาเนื้อโลหะ,ผงคลุกรักษ์ (35) พระเนื้อผง ดิน ว่าน (59) พระบูชา (104) หนังสือพระ (1) ศาสตราวุธโบราณ (43) อนุรักษ์พระกรุ (13) พระเครื่องเรื่องเล่าตำนานสายเหนียว (7)
เมนูช่วยเหลือ
วิธีการสั่งซื้อ
วิธีการชำระเงิน
คำถาม-ตอบ
เงื่อนไขการสั่งซื้อ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
พระเครื่องที่บูชาแล้ว
พระใหม่ 100 รายการ
โปรโมชั่นพิเศษ
สถิติสินค้า
พระเครื่องทั้งหมด 964 ชิ้น
พระเครื่องถูกจองแล้ว 7 ชิ้น
พระเครื่องบูชาแล้ว 2 ชิ้น
พระเครื่องคงเหลือ 681 ชิ้น
บทความน่าอ่าน
ถูกจริงแท้ แท้หรือเปล่า?
ต่อพระน่าเกลียดไปมั้ย?
ไม่มีกล้องห้ามดู ไปไกล ๆ
ทำไมไม่รับ? พกง.เก็บเงินปลายทาง
ประวัติผู้สร้างพระเครื่อง
หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
หลวงปู่ครีพ วัดสมถะ
หลวงพ่อโต วัดเนิน
หลวงปู่ภู่ วัดนอก
หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือแกลง
หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม
หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ
หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน
หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
หลวงปู่กงมา วัดดอยธรรมเจดีย์
หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตตปฏิปทาราม
หลวงปู่เผือก วัดสาลีโขภิตาราม
หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง
หลวงปู่เหมือน วัดโรงหีบ
หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม
ประวัติผู้สร้างทั้งหมด
อัตราแลกเปลี่ยน
ราคาน้ำมัน
ชำระผ่านธนาคาร
 ไทยพาณิชย์ 136-232797-4  กสิกร 735-2-43729-2  กรุงเทพ 009-006097-1  กรุงไทย 086-0-22285-3
 
 
รายละเอียดเพิ่มเติม

พระเครื่อง ศักดิ์ตลิ่งชัน


พระเครื่อง อีซี่อมูเล็ต


 
หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค
ข้อมูลประวัติ หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค นครสวรรค์

ชาติภูมิ
          หลวงปู่สี ฉันทสิริ ชาติภูมิ หลวงปู่สี ท่านเป็นชาวอำเภอรัตนะ จังหวัดสุรินทร์ ท่านเกิดเมื่อปีจอ พ.ศ.๒๓๙๒ ตรงกับสมัยของรัชกาลที่๔ ส่วนเกิด วัน เดือน ใด ท่านไม่เคยบอก เมื่ออายุ ๒๑ ปี ท่านถูกเกณฑ์เข้ารับราชการทหาร เมื่อปลดจากการเป็นทหารแล้วท่านก็มายึดอาชีพค้าวัว ค้าควาย และเป็นพรานอยู่แถว ช่องแค-ตาคลี ซึ่งแต่เดิมมีสภาพเป็นป่าดงดิบ และยังไม่ได้ตั้งเป็นอำเภอตาคลี เมื่อมีการใช้นามสกุลขึ้น ตระกูลของท่านก็ใช้นามสกุลว่า “ดำริ” ชีวิตตอนเป็นหนุ่ม ท่านเป็นคนจริงไม่เคยเกรงกลัวใคร 

          ท่านใช้ชีวิตความเป็นหนุ่มอยู่นานหลายปี จนกระทั่งบังเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก จึงได้อุปสมบท โดยท่านบอกว่า ท่านบวชที่วัดบ้านเส้า อำเภอบ้านเส้า (อำเภอบ้านหมี่ ในปัจจุบัน) โดยมีพระครูธรรมขันธ์สุนทร เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนคู่สวดท่านไม่ได้บอกว่ามีพระอาจารย์รูปใดบ้าง เมื่อบวชได้ระยะหนึ่งท่านได้เดินทางมาจำพรรษาอยู่ที่ ถ้ำเขาเสียบ เขตตำบลช่องแค อำเภอตาคลี เพราะว่าก่อนบวชท่านเคยอยู่ในเขตนี้มาก่อน 

          หลวงปู่ท่านถือปฏิบัติในการออกธุดงค์ ตลอดเวลาที่ท่านยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ท่านบอกว่าท่านธุดงค์ไปทั่วประเทศไทย จากเหนือถึงใต้ ตะวันออกถึงตะวันตก ท่านไปมาทั้งหมดเคยธุดงค์ไปฝั่งประเทศลาว จำพรรษาอยู่ในประเทศลาวหลายปี ธุดงค์เข้าประเทศพม่าเลยไปประเทศอินเดีย ไปนมัสการสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา ท่านยังเล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านธุดงค์ไปภาคเหนือ เพื่อจะไปนมัสการพระบาทสี่รอย เมืองเชียงตุง ประเทศพม่า ท่านเดินหลงป่าไม่ได้ฉันอะไรเลยเป็นเวลา ๗ วัน จนรุ่งเช้าของวันที่ ๘ มีช้างป่านำหัวบัว และอ้อยมาถวายท่าน (ไม่ทราบว่าเป็นเทวดา หรือว่าเทวานุภาพดลใจให้ช้างนำมาถวาย ?) ท่านจึงนำหัวบัวต้มกับน้ำอ้อยฉัน และช้างยังเดินนำทางท่านไปจนพบกับบ้านของชาวบ้านป่า ท่านเล่าว่า ท่านเดินธุดงค์อยู่ในป่าแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ พบชายหญิงกำลังกินอะไรกันอยู่ ท่านจึงเดินไปถามว่า ทำอะไรกันอยู่หรือ ทั้งสองก็ตอบหลวงปู่ว่ากำลังกินยาอายุวัฒนะกันอยู่แต่หลวงพ่อมาช้าไป ยาหมดเสียแล้วจะมีเหลืออยู่ก็ตามใบไม้เท่านั้นเอง และทั้งสองคนก็เก็บยาที่ติดอยู่ตามใบไม้ให้ท่านฉัน ซึ่งมีอยู่เล็กน้อยเท่านั้น ท่านบอกว่าที่ท่านมีอายุยืนก็เพราะยานี้แหละ และยานี้ยังทำให้ท่านมีร่างกายแข็งแรง ไม่หลงลืมเหมือนคนแก่ทั่วๆไป 

          ในการออกธุดงค์ของหลวงปู่นั้น หลานชายของท่านคนหนึ่งเคยติดตามไปด้วย ได้เล่าให้ฟังว่า ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามหลวงปู่ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี ค้างคืนที่พระพุทธบาท รุ่งเช้าพอฉันอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลวงปู่ก็พาออกเดินทางกลับตาคลีทันที โดยหลวงปู่บังคับให้ผู้เล่าเดินออกหน้าตลอดเวลา หลวงปู่จะเป็นคนเดินท้ายปรากฏว่ามาถึงตาคลีเป็นเวลาฉันอาหารเพลพอดี ซึ่งระยะทางจากพระพุทธบาทมาถึงตาคลีให้เดินเก่งอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะเดินถึงได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน แต่หลวงปู่พาเดินได้ 

          ในระหว่างที่เดินธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือภาคอีสานนั้น หลวงปู่ท่านได้รู้จักกับพระเกจิอาจารย์ดังมากมาย อาทิเช่น หลวงปู่แหวน แห่งดอยแม่ปั๋ง เพราะมีคนจากตาคลีขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน แล้วหลวงปู่แหวนพูดถึงหลวงปู่สีให้เขาเหล่านั้นฟัง พ่อค้าในตลาดตาคลีชวนพวกรวม ๔ คนขึ้นไปกราบหลวงปู่แหวน เพื่อขอวัตถุมงคล แต่หลวงปู่แหวนไม่ยอมให้ โดยหลวงปู่แหวนบอกกับคนทั้งสี่ว่า ที่มากันนั้นดีๆ ไม่เอากัน มาเอากันถึงที่นี่ ทั้งหมดจึงถามหลวงปู่แหวนว่า ที่หลวงปู่พูดถึงน่ะหลวงพ่ออะไรครับ หลวงปู่แหวนจึงตอบว่าในคอพวกเอ็งก็ยังคล้องกันมาเลย ปรากฏว่าทั้ง ๔ คนที่ไปมีคล้องพระไปเพียงคนเดียว และพระที่คล้องไปคือเหรียญหลวงปู่สี เมื่อทั้งหมดกลับมาถึงตาคลีก็รีบพากันมาที่วัด เช่าเหรียญหลวงปู่สีกันเป็นการใหญ่ ทั้ง ๔ คนนี้ข้าพเจ้ารู้จักดี จะเขียนชื่อ นามสกุลลง แต่ก็ได้รับการขอร้องไว้ 

          ก่อนที่จะมาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค อำเภอตาคลีนั้น หลวงปู่สีท่านอยู่ที่วัดหนองลมพุก อำเภอโนนสังข์ จังหวัดอุดรธานี ในปีพ.ศ.๒๕๑๒ พระครูนิวิฐปริยัติคุณ พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้พากันไปนิมนต์หลวงปู่ให้มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค เพื่อช่วยสร้างวัดให้เจริญ ซึ่งขณะนั้นมีเพียงกุฏิเก่าๆเพียงสองสามหลังเท่านั้น หลวงปู่สีท่านก็เต็มใจมา เนื่องด้วยเพราะท่านเคยอยู่ในแถบนี้มาก่อน ในวันที่คณะผู้จะไปนิมนต์หลวงปู่จะไปถึงนั้น หลวงปู่ท่านทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะมีคนไปนิมนต์ท่าน ท่านเก็บของเครื่องใช้จำเป็นรอเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และสั่งที่วัดหนองลมพุกว่า วันนี้จะมีคนมารับให้ไปอยู่ที่ตาคลีเพื่อช่วยสร้างวัด ซึ่งก็เป็นไปตามที่ท่านบอกไว้ทุกประการ 

          ในระยะแรกที่หลวงปู่มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาคนั้น ท่านจำพรรษาอยู่ที่กุฏิไม้ หลังเล็กๆหน้าปากทางขึ้นถ้ำ (ปัจจุบันรื้อไปแล้ว) ในขณะนั้นคนในตลาดตาคลียังไม่ค่อยมีใครรู้จักหลวงปู่ และท่านก็ไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อันใดให้ใครรู้ วันหนึ่งๆท่านจะนั่งตะบันหมากฉัน การฉันหมากของท่านก็ไม่เหมือนใคร เพราะท่านไม่ได้ฉันเปลือกไม้ที่มีขายตามท้องตลาดเหมือนที่คนกินหมากทั่วไปซื้อมากิน หลวงปู่ท่านจะฉันแก่นไม้คูนแดงซึ่งจะมีคนตัดมาถวายตลอด ท่านจะนำมาฟันเป็นชิ้นๆ แล้วนำลงตำให้ละเอียดแล้วจึงฉันกับหมากแทนเปลือกไม้ 

          ในราวปลายปี พ.ศ.๒๕๑๓ ข้าพเจ้าได้ทราบจากเพื่อนว่า มีพระเป็นหลวงปู่แก่ๆ มาอยู่ที่วัดเขาถ้ำบุญนาค ข้าพเจ้าจึงชวนเพื่อนๆมาหา จุดประสงค์ที่มาหามิใช่ที่จะต้องการเครื่องรางของขลังแต่ประการใด แต่เพราะต้องการจะมาหาเลขเด็ด เพราะเพื่อนบอกว่าท่านบอกหวยได้แม่นยำมาก ในวันแรกที่มาหาท่านก็ไม่ได้แจกอะไรให้ แต่บอกใบ้หวยให้ ซึ่งหวยก็ออกตามที่ท่านบอก นับตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็จะไปหาหลวงปู่เป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเห็นหลวงปู่มีอารมณ์ดี ข้าพเจ้าจึงถามหลวงปู่ว่ามีของดีอะไรบ้าง ผมอยากจะได้เอาไว้ป้องกันตัว หลวงปู่ท่านขณะนั้นกำลังกินหมากอยู่ ก็คายชานหมากออกมาใส่ผ้าเหลืองที่ท่านใช้ทำเป็นผ้าขี้ริ้ว แล้วผูกส่งให้ข้าพเจ้าพร้อมทั้งบอกว่า”ห้ามแก้ออกนะ” ท่านยังบอกอีกว่าหากใครเขาอยากยิงมึง มึงก็ถ่างก้นให้มันยิงเลย สามวันสามคืนก็ไม่ถูกมึง (ขออภัยครับ กระผมเปลี่ยนถ้อยคำไปบ้างนะครับ เพราะหลวงปู่ท่านพูดภาษาชาวบ้านแท้ๆ :คนรู้น้อย) 

          (คำพูดอันนี้มีนัยยะ คือคนที่เขามีของขลัง หรือสักยันต์กินว่าน ที่ว่าหนังเหนียวตีไม่แตกนั้น ถ้าจะฆ่าเอาชีวิตกันก็จะต้อง ใช้ไม้รวกทะลวงก้น เหมือนในเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน ที่แสนตรีเพชรกล้า แม่ทัพเชียงใหม่ ฆ่าฟันเท่าไรก็ไม่ตายจนขุนแผนต้องเอาหลาวทะลวงก้นจึงถึงแก่ความตาย... หลวงปู่ท่านมีความมั่นใจมากในการอธิษฐานจิตของท่าน ถึงแม้คนที่ใช้ของๆท่านจะโดนยิงที่จุดตายจุดสำคัญก็ตาม ท่านรับรองว่าปลอดภัย) ข้าพเจ้ารับมาแบบไม่ค่อยเชื่อถือเมื่อกลับถึงบ้านแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆถึงเรื่องนี้ ขณะนั้นมีพ่อค้าวัว-ควาย เป็นชาวปาทานอยู่ในตาคลีนั่งฟังอยู่ด้วย ซึ่งเขาบอกว่าเขาอยากลองยิงดู ข้าพเจ้ามอบชานหมากของหลวงปู่ให้เขาไป เขานำไปคล้องคอไก่แล้วยิงปืนรีวอลเวอร์ ขนาด .๓๘ ระยะห่างประมาณ ๑ วาเศษเท่านั้น เขายิงหมดไป ๖ นัดไม่เคยถูกไก่เลย สักนัดเดียว ทั้งๆที่เขาเป็นคนที่ยิงปืนได้แม่นยำมากคนหนึ่ง นับแต่นั้นมาข้าพเจ้าจึงเชื่อถือในชานหมากหลวงปู่ 

          หลังจากที่ชาวปาทานยิงไก่ได้ประมาณสัก ๑ อาทิตย์ ได้มีนายทหารอากาศกองบิน ๔ ชื่อ เรืออากาศโทครรชิต บัวอำไพ (ปัจจุบันยศนาวาอากาศเอก ข้าพเจ้าขอกราบประทานอภัยที่ต้องเอ่ยนามของท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย) ได้มาคุยกับข้าพเจ้าเรื่องชานหมากของหลวงปู่ ในลักษณะที่ท่านไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่จะยิงไม่ถูก ข้าพเจ้าจึงมอบชานหมากที่มีอยู่ให้ไป ๑ ก้อนเพื่อให้ไปทดลอง เที่ยงวันรุ่งขึ้น เรืออากาศโทครรชิตฯ ได้มาหาข้าพเจ้าที่บ้านพร้อมกับเพื่อนนายทหารอากาศอีก ๕-๖ คนโดยขอให้ข้าพเจ้าช่วยพาไปวัดหน่อย ต้องการจะได้ชานหมากอีก พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่า เมื่อได้รับชานหมากไปจากข้าพเจ้าแล้วจึงได้นำไปทดลอง โดยนำไปคล้องคอเป็ดแล้วยิง แต่ยิงเท่าไรก็ไม่ถูก ใช้ปืนถึง ๔ กระบอก และคนยิงก็เป็นมือปืนของกองบินทั้งนั้น ครั้นนำเป็ดออกเอาก้อนหินไปวางแทน ยิงก้อนหินกระเด็นเลย แต่ยิงเป็ดยิงเท่าไรก็ไม่ถูกเป็นที่มหัศจรรย์ใจมาก จึงพาเพื่อนทหารที่อยู่ในเหตุการณ์มาหาข้าพเจ้า เพื่อให้ช่วยพาไปพบหลวงปู่ซึ่งข้าพเจ้าก็พาไปพบ และก็ได้ชานหมากกันมาทุกคน ส่วนก้อนที่นำไปทดลองยิงเป็ดนั้น เรืออากาศโทครรชิตได้นำไปเลี่ยมทองคล้องอยู่จนทุกวันนี้ 

          หลังจากนั้นมาทหารอากาศกองบิน ๔ ตาคลี ต่างก็หลั่งไหลมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่อย่างมากมาย สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารอากาศกองบิน ๔ ก็ออกอากาศเรื่องของหลวงปู่ทุกวัน ทำให้หลวงปู่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และใครๆ ก็อยากได้ชานหมาก และวัตถุมงคลของหลวงปู่ ทำให้หลวงปู่ต้องเคี้ยวหมากแจกทั้งวัน

          ท่านสามารถอ่านเรื่องของหลวงปู่ฯ เพิ่มเติมได้ จากหนังสือ ”สู่แสงธรรม” ของท่าน พลอากาศตรี มนูญ ชมพูทีป (ยศเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕) ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยงข้องกับหลวงพ่อฤาษีลิงดำของเราด้วย

 
พระเครื่องอื่น ๆ
ไม่พบสินค้าในฐานข้อมูล หมวดหมู่นี้
 
ตะกร้าพระเครื่อง

ดูตะกร้าพระเครื่อง
แจ้งการชำระเงิน
ตรวจสอบวันจัดส่ง
สถานะการส่งพระเครื่อง

พระเครื่องแนะนำ

เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ศิลป์วัดกลาง จ.สมุทรปราการ  

พระโชว์ บาท


สิงห์หน้าโบสถ์หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี  

พระโชว์ บาท


ตะกรุดโสฬสมงคลหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกั่วถ้ำชา จ.นนทบุรี  

พระโชว์ บาท


เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย พิมพ์พิเศษ(หน้าหมา) จ.สมุทรปราการ  

พระโชว์ บาท


กะลาราหูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ลูกที่ 2  

พระโชว์ บาท


หนุมานหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เสือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ลูกที่ 1  

พระโชว์ บาท


พระเครื่องแนะนำทั้งหมด
เปิดโลกพระเครื่อง
เปิดโลกสมเด็จ
เปิดโลกพระกรุ
ทำเนียบสมเด็จพระสังฆราชไทย
ตำนานพระพุทธรูป
หลักการดูพระเบื้องต้น
รายนานเกจิอาจารย์
อ่านบทความทั้งหมด