ข้อมูลประวัติ หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
หลวงพ่อสนิท นามเดิมของท่านคือ สนิท นามสกุล มีพงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2468 ณ บ้านบางกุ้ง ต.บางกุ้ง อ.ศรีมหาโพธิ์ จ.ปราจีนบุรี ท่านอุปสมบทเมื่ออายุ 23 ปี ได้รับฉายาว่า ยะสินธโร
หลวงปู่สนิทเป็น พระอริยสงฆ์ที่รักสันโดษปกติก่อนสังขารจะร่วงโรยท่านจะออกธุดงค์ เป็นประจำทุกปี ท่านไม่สะสมสิ่งของ วัตถุ หรือทรัพย์สินต่างๆ มีเมตตาสูง ไม่เคยแยกแยะว่าผู้มาหาจะยากดีมีจนอย่างไร ท่านปฏิบัติต่อทุกคนเท่าเทียมกันหมด ท่านมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์หลายแขนง ในอดีตท่านรักษาผู้ป่วยที่มาพึ่งบารมีทั้งที่ป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บและที่ ป่วยจากการโดนคุณไสยต่างๆ ท่านที่เคยไปกราบหรือพึ่งบารมีหลวงปู่จะสามารถสัมผัสจิตอัศจรรย์ของหลวงปู่ ได้ด้วยตนเอง ดังเช่นการรู้ล่วงหน้าว่า จะมีใครมาหา มากี่คน มาหาด้วยเรื่องอะไร เป็นต้น นอกจากนี้หลวงปู่ยังรักษาสัจจะวาจาเท่าชีวิตดังนั้นคำพูดทุกคำที่ออกจากปาก ท่านจึงเป็นจริงดังวาจาสิทธิ์ของพระร่วง ท่านพูดอะไรให้ฟังแล้วสิ่งนั้นจะปรากฏเป็นจริงเสมอ
หลวงปู่สนิท มรณภาพเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2542 สิริอายุรวม 74 ปี 51 พรรษา สรีระศพของท่านแต่เดิมเก็บรักษาในโลงแก้ว เนื่องเพราะสรีระของท่านไม่เน่าเปื่อย และเส้นเกศาที่เคยปลงเก็บไว้ก็แปรสภาพเป็นพระธาตุอย่างน่าอัศจรรย์ ที่น่าเสียดายคือในปัจจุบันสรีระของหลวงปู่ได้มีการพระราชทานเพลิงศพไปแล้ว
พระธาตุปาฏิหาริย์
ในบรรดาเครื่องรางที่หลวงปู่จัดสร้าง ซึ่งมีทั้ง จระเข้ พญาเต่าเรือน นกสาริกา สะดือหนุมาน และ ฯลฯ ต่างมีอภินิหาร เป็นที่ประจักษ์มากมาย แต่ในที่นี้ผมจะขอเล่าสิ่งที่ได้ประสบมากับตัวเองและพวกพ้องคือเรื่องของพญา เต่าเรือน พญาเต่าเรือนของหลวงปู่สนิท จะแตกต่างจากของที่อื่น กล่าวคือท่านใช้หินแกะเป็นพญาเต่า ซึ่งท่านได้สร้างมาเรื่อยๆ มีหลายขนาดตั้งแต่ขนาดห้อยคอจนกระทั่งถึงขนาด3-4 คนยก รุ่นที่ไม่ใช่หินแกะจะมีพญาเต่าเรือนกริ่งขนาดห้อยคอ และพญาเต่าเรือนขนาดบูชารุ่นสุดท้ายที่สร้างจากเนื้อโลหะ
พญาเต่าเรือนนี้ หลวงปู่จะสร้างอย่างพิถีพิถัน ตามตำนานโบราณ สมัยพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาเต่าเรือน ปลุกเศกกระทั่งมีชีวิตจริงจึงถือว่าเสร็จพิธี ด้วยพลังจิตอันเข้มแข็งที่อัญเชิญพระพุทธบารมีลงมาประดิษฐานในพญาเต่าเรือน ทำให้เกิดอัศจรรย์แก่ศรัทธาญาติโยมที่นำไปบูชาเป็นอันมาก เช่นการทำมาค้าขายมีสภาพคล่อง มีลูกค้าและยอดขายเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และปาฏิหาริย์ที่ข้าพเจ้าและอีกหลายๆ คนได้ประจักษ์และเกิดปิติก็คือ การมีพระธาตุเสด็จมาเกาะที่กระดองพญาเต่าเรือน และการที่พญาเต่าเรือนหันเปลี่ยนทิศทางได้เองเป็นประจำ ในเรื่องของพระธาตุปาฏิหาริย์นอกจากจะเกิดที่พญาเต่าเรือนแล้ว ยังเกิดกับวัตถุมงคลที่ท่านสร้างอย่างอื่นๆ ด้วย เช่นที่ จระเข้จันทร์เพ็ญ และพระบูชาปางเปิดโลก เป็นต้น
จระเข้โทน หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย รุ่นแรก(ขาติด) ปี 2509 เนื้อตะกั่วหล่อ ใต้ท้องตอกยันต์ ***"อิสวาสุ นะมะพะทะ"*** หายากสุดๆ * โดยหลวงพ่อหล่อเองที่วัดมิได้สร้างมาจากที่อื่น เจตนาเพื่อ บูชาคุณอาจารย์เส็ง ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทวิชาจระเข้โทนมาให้ และเพื่อแจกทหาร ตำรวจ คาถาบูชาชนิดย่อๆ ***" อิ สวา สุ "*** ภาวนา 3 คาบ 7 คาบ หรือ แบบฉบับเต็มก็ว่า ***"พุ ทธังสะระณังเมสิทธิ ธัมมังสะระณังเมสิทธิ สังฆังสะระณังเมสิทธิ พุทธังเอหิมาเรโส พุทธังกุมภีโรโจรัง คงคังปิติอิ ธัมมังกุมภีโรโจรัง คงคังปิติอิ สังฆังกุมภีโรโจรัง คงคังปิติอิ" *** ดีนักปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาด ภูตผีปีศาจเกรงกลัว ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน ถอดถอนเสน่ห์ยาแฝดต่างๆ จระเข้โทน จะใส่กระเป้าเสื้อกางเกง ผูกติดเอง คล้องคอ รอดราวผ้า ไต้ถุนไม่ถืออะไรทั้งสิ้น * เว้นแต่จะเป็นผู้คิดคดต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จระเข้ไม่คุ้มครอง จะแพ้ภัยตัวเอง *
ประวัติการสร้างจระเข้โทน "การสร้างเครื่องรางประเภทจระเข้โทนนั้นเกิดขึ้นจากความเชื่อแต่โบราณที่ว่า เมื่อครั้งก่อนพุทธกาลสมัยที่พระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตวย์เสวยพระชาติ 500 ชาตินั้น
มีอยู่ชาติหนึ่งพระองค์เสวยชาติเป็นพญากุมภีร์ เป็นเจ้าแห่งสัตว์น้ำทั้งหลาย มีบริวารเป็นจระเข้อีก 500 ตัว เรียกได้ว่าใคร ๆ ต่างก็เกรงกลัวบารมีของพญากุมภีร์เป็นอันมากฝ
จากความเชื่อนี้ทำให้ครูบาอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั้งหลายจึงนิยมสร้างจระเข้ โทนเป็นเครื่องรางให้ลูกศิษย์ลูกหาได้นำไปบูชาติดตัวกัน เพื่อปกป้องคุ้มครองตนและปกป้องเรื่องอุบัติเหตุต่าง ๆ ให้บังเกิดเป็นแคล้วคลาด
ในจำนวนครูบาอาจารย์ที่สร้างจระเข้โทนได้มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์สูงนั้น ต้องยกให้พระครูเวทย์วินิฐหรือลพ.สนิท วัดลำบัวลอย เป็นหนึ่งในนั้น โดยการสร้างจระเข้โทนนั้นท่านศึกษาเล่าเรียนมาจากหลวงลุงเส็ง มีศักดิ์เป็นลุงจริง ๆ ของท่าน ตัวหลวงลุงเส็งนี้ได้ศึกษาวิชามาจากที่ใดไม่ได้กล่าวถึง (เข้าใจว่ามาจากทางเขมร) แต่ท่านพยายามคะยั้นคะยอให้ลพ.สนิทตั้งใจเรียนวิชานี้จากท่าน
เพราะท่านทราบว่าต่อไปลพ.สนิท จะต้องเป็นผู้รับมรดกชิ้นนี้จากท่านไป ซึ่งหลังจากหลวงลุงเส็งถ่ายทอดวิชานี้ให้ลพ.สนิทได้ไม่นาน ท่านก็ลาสิกขาไปครองเรือน และถึงแก่กรรมในกาลต่อมาเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของจระเข้โทนของหลวงลุงเส็ง นั้น
ครั้งหนึ่งลพ.สนิทท่านเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยแรก ๆ ท่านไม่เคยเชื่อเรื่องนี้มาก่อน หลวงลุงเส็งจึงพาท่านไปที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง และหยิบจระเข้ออกจากย่าม 4 ตัวเป็นเนื้อไม้ทองหลาง 2 ตัว เนื้อหินแกะ 1 ตัว และเนื้อไม้คูณอีก 1 ตัว
จากนั้นก็บริกรรมคาถาสักพักแล้วโยนลงแม่น้ำทั้ง 4 ตัว สักพักเห็นจระเข้เป็น ๆ ตัวใหญ่มาก 4 ตัวลอยขี้นมาบนผิวน้ำ น่าเกรงขามมาก เพราะทุกตัวขยับเขยื้อนมีชีวิตจริง ๆ สักพักหลวงลุงเส็งท่านก็เอามีอตบไปที่น้ำริมตลิ่งเบา ๆ สักพัก จระเข้เหล่านั้นก็คลานมาใกล้ ๆ แล้วก็กลับร่างเป็นจระเข้โทนจิ๋ว แต่คราวนั้นที่ว่ายกลับเข้ามาจริง ๆ มีเพียง 3 ตัวหายไป 1 ตัว มองไปมองมาก็หาไม่เจอ เลยเป็นอันว่าหายไป 1 ตัวจากนั้นมา ด้วยอาคมนี้ลพ.สนิทท่านบอกว่าจระเข้จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 วันและจะกลับเป็นร่างเดิม