พระเครื่องทั้งหมด 967 ชิ้น 
     ตะกร้าพระเครื่อง : (0) 
ประเภทพระเครื่อง
ภาพวาดผลงานศิลปิน,รูปถ่ายเก่าซีเปีย (132) พระกริ่ง รูปหล่อ เหรียญหล่อ (81) เหรียญพระพุทธ เหรียญเกจิ เหรียญที่ระลึก (35) เครื่องราง (182) พระปิดตาเนื้อโลหะ,ผงคลุกรักษ์ (35) พระเนื้อผง ดิน ว่าน (59) พระบูชา (104) หนังสือพระ (1) ศาสตราวุธโบราณ (44) อนุรักษ์พระกรุ (13) พระเครื่องเรื่องเล่าตำนานสายเหนียว (7)
เมนูช่วยเหลือ
วิธีการสั่งซื้อ
วิธีการชำระเงิน
คำถาม-ตอบ
เงื่อนไขการสั่งซื้อ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
พระเครื่องที่บูชาแล้ว
พระใหม่ 100 รายการ
โปรโมชั่นพิเศษ
สถิติสินค้า
พระเครื่องทั้งหมด 967 ชิ้น
พระเครื่องถูกจองแล้ว 7 ชิ้น
พระเครื่องบูชาแล้ว 2 ชิ้น
พระเครื่องคงเหลือ 684 ชิ้น
บทความน่าอ่าน
ถูกจริงแท้ แท้หรือเปล่า?
ต่อพระน่าเกลียดไปมั้ย?
ไม่มีกล้องห้ามดู ไปไกล ๆ
ทำไมไม่รับ? พกง.เก็บเงินปลายทาง
ประวัติผู้สร้างพระเครื่อง
หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม
หลวงปู่ครีพ วัดสมถะ
หลวงพ่อโต วัดเนิน
หลวงปู่ภู่ วัดนอก
หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือแกลง
หลวงพ่อหิน วัดหนองสนม
หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ
หลวงพ่อพุธ วัดป่าสาลวัน
หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย
หลวงปู่กงมา วัดดอยธรรมเจดีย์
หลวงปู่เจี๊ยะ วัดภูริทัตตปฏิปทาราม
หลวงปู่เผือก วัดสาลีโขภิตาราม
หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง
หลวงปู่เหมือน วัดโรงหีบ
หลวงพ่อเส็ง วัดประจันตคาม
ประวัติผู้สร้างทั้งหมด
อัตราแลกเปลี่ยน
ราคาน้ำมัน
ชำระผ่านธนาคาร
 ไทยพาณิชย์ 136-232797-4  กสิกร 735-2-43729-2  กรุงเทพ 009-006097-1  กรุงไทย 086-0-22285-3
 
 
รายละเอียดเพิ่มเติม

พระเครื่อง ศักดิ์ตลิ่งชัน


พระเครื่อง อีซี่อมูเล็ต


 
หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง

ข้อมูลประวัติพระครูพิพิธวรญาณ(หลวงพ่อชื่น สุจิตโต)

ถิ่นกำเนิด
หลวงพ่อชื่น สุจิตโต หรือพระครูพิพิธวรญาณเป็นชาวมาบข่าโดยกำเนิดเกิดที่บ้านห้วงตาถึงหมู่ ๔
ตำบลมาบข่า อ.บ้านค่าย จ.ระยอง และได้ย้ายไปอยู่บ้านหนองผักหนาม(บริเวณท้องที่เดียวกัน)ลพ.เกิดวันศุกร์
ขึ้น ๔ค่ำเดือน ๘ซึ่งตรงกับวันที่ ๖ ก.ค. ๒๔๓๖ ปีมะเมีย บิดาชื่อ เหน่ง บุญทีวะ มารดาชื่อ จ้อย
มีพี่น้องด้วยกัน ๗ คน ดังนี้
๑.ลพ.ชื่น บุญทีวะ (คนโต) ๒.นางแวว ๓.นางเป้า ๔.นางปุ้ย ๕ นายบุญมาก ๖.นางเชย ๗.
เป็นผู้ชายคลอดมาได้ ๕วันแล้วเสียชีวิต
อาชีพ
บิดา,มารดา ของลพ.มีอาชีพทำไร่ทำนาและเก็บของป่าขายมีงานอดิเรกคือการจักสานเล็กๆน้อยๆ
ในเยาว์วัย

ลพ.ท่านมีความจำเป็นเลิศกว่าเด็กในวัยเดียวกันและชอบฟังเทศน์มหาชาติมากโดยเฉพาะพระเวชสันดรชาดกและจะจดจำ

นำมาร้องเล่นตามประสาเด็กแถมเสียงดีเสียด้วย(คงจะเหมือนมาดาเพราะมาดาลพ.ตอนบวชเป็นพระก็เทศน์เก่งมาก)
การศึกษา

ลพ.ในสมัยเด็กๆนั้นท่านได้ศึกษาหาความรู้จากวัดเหมือนกับบุคคลทั่วๆไปในสมัยนั้นแต่ลพ.จะตั้งใจเรียนกว่าคนอื่นวิ่งเล่นกันแต่ลพ.กับไปเรียนเพิ่มเติมกับลพ.จาด(วัดบ้านสวนชลบุรี)ซึ่งมาจำวัดอยู่ที่วัดมาบข่าพักอยู่นานจนลพ.ชื่นท่านอ่านออกเขียนได้คล่องแคล่วมาก
รับใช้ราชการทหาร

เมื่อลพ.อายุได้๑๙ปีก็ถูกคัดเลือกไปเป็นทหารเรือสองปี(สมัยนั้นคัดเลือกทหารตอนอายุ๑๙ปี)ช่วงที่เป็นทหารอ

ยู่นั้นพอมีเวลาว่างลพ.จะท่องหนังสือสวดมนต์จนจำได้หมดไม่ว่าจะเป็นเจ็ดตำนาน,สิบสองตำนาน,ธรรมจักรกัปวัต

นะสูตรและสมัยสูตรเพราะลพ.ตั้งใจว่าถ้าปลดประจำการออกมาเมื่อใดจะขอบิดา,มารดาบวชทันที
อุปสมบท
พอปลดประจำการจากทหารกลับมาบ้านเพียง ๓วันก็บอกกับบิดา,มารดาว่าจะบวช
บิดา,มารดาก็ปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง
จึงได้จัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องอัฐบริขารจนครบแล้วได้นิมนต์พระอุปัชฌาย์,พระคู่สวด
ลพ.ท่านจึงได้บวชตามที่ตั้งใจลพ.ท่านบวชเมื่อวันที่ ๑๐กรกฎาคม๒๕๔๘ ณ.วัดทับมา ระยอง โดยมีลพ.ขาว
เจ้าอาวาสวัดทับมาในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์,ลพ.ทองอยู่ (เจ้าอาวาสวัดมาบข่า) เป็นพระกรรมวาจาจารย์
และลพ.จี๊ดเจ้าอาวาสวัดเขาโบสถ์(เขาซากแขก)เป็นพระอนุสาวนาจารและมีลพ.หินวัดหนองสนมเป็นพระอาจารย์บอกอนุศาสน์พร้อมกับได้รับฉายาว่า สุจิตโต และอยู่รับใช้ลพ.ทองอยู่มาโดยตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไปจำวัดที่วัดเขาโบสถ์๒เดือนเพื่อเรียนภาษาขอมกับลพ.จี๊ดจนอ่านออกเขียนได้และลพ.ได้เริ่มศึกษาพระปริยัติธรรมครั้งแรกที่วัดป่าประดู่ ระยองโดยมี ลพ.แอ่วเป็นครูสอน
ความคิดเห็นส่วนตัวของหลวงพ่อ
เรื่องสมศักดิ์
หรือตำแหน่งหน้าที่หลวงพ่อไม่เคยใฝ่ฝันดิ้นรนขวยขวายเพราะท่านถ่อมตนอยู่เสมอว่าหนังสือท่านไม่ค่อยเก่งแต่หลวงพ่อก็ยอมรับและปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีตลอดมา ตำแหน่งที่ได้รับมีดังนี้ครับ
1.พระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๔๘๖
2.พระกรรมการตรวจธรรมสนามหลวง เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๔๘๖
3.พระครูประทวนสมณะศักดิ์ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๔๙๓
4.เจ้าคณะตำบลหนองละลอก เมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๕
5.เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี พระครูพิพิธวรญาณ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๐๐
6.เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๐๑
อุปนิสัยของหลวงพ่อ
หลวงพ่อมีนิสัยอ่อนโอน พูดจาเรียบร้อย นุ่มนวล
เสียงทุ้มลึกกังวานแจ่มใสแต่แฝงไว้ด้วยความมีอำนาจในตัวเอง
แม้แต่นั่งคุยกับญาติโยมก็จะนั่งพับเพียบไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถคือนั่งท่าไหนก็ท่านั้นจนเสร็จกิจกรรมนั้นๆ ลพ.เป็นพระที่สุขุม มีสติ ปัญญาความคิดปฏิภาณเฉียบแหลมว่องไว สามารถแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทันทีแม้จะเป็นพระที่หัวโบราณแต่ก็ทันสมัยอยู่เสมอ ลพ.เป็นผู้มีความเมตตาธรรมสูง
ไม่เลือกชนชั้นว่าผู้ดีหรือยากจน และพบหลวงพ่อได้ทุกโอกาส
ด้านไสยเวทย์
หลวงพ่อได้ศึกษาทางไสยเวทย์หลายด้านด้วยกันเช่นหมอแผนโบราณ,หมอกระดูก
(แต่ก่อนแพทย์สมัยใหม่ยังไม่เจริญเท่าที่ควร)ใครเจ็บป่วยก็จะมาตามหลวงพ่อไปรักษาไม่ว่าจะดึกแค่ไหนหลวงพ่อไม่เคยปฏิเสธ หลวงพ่อจะรักษาให้ทุกรายจนเป็นที่นับถือเลื่อมใสของชาวบ้านทำแม้แต่น้ำมนต์ไล่ภูตผี
ชีวิตบั้นปลายของหลวงพ่อ
เมื่อวันที่๒๘ ธันวาคม ๒๕๒๑ 
ลพ.มีกิจนิมนต์สองที่คือช่วงเพลที่โรงงานโม่แป้งมันและช่วงเย็นที่สวนศรีเมือง 
ที่โรงโม่แป้งมัน(มาบข่า)ก็ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ฉันภัตตาหารให้พรเรียบร้อย
ก่อนที่ลพ.จะประพรมน้ำพระพุทธมนต์ลพ.สั่งให้เดินเครื่องโม่แป้ง
แล้วเริ่มประพรมน้ำพระพุทธมนต์จวนจะเสร็จแล้วเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อสายพานเย่อเอาจีวรของลพ.ติดเข้าไปกับสายพาน(สายพานสามเส้นประมาณ๘นิ้ว)ทำให้ตัวหลวงพ่อติดกับสายพาน
หลวงพ่อก็จึงดึงจีวรกลับแต่สู้แรงเครื่องไม่ได้หลวงพ่อจึงท่องคาถาแคล้วคลาดว่า ยัมมะโข ภะคะวันตัง 
สะระณังคะตาติ อุทธังอัทโธ นะโมพุทธายะ พุทธังปัดคลาดแคล้ว ธังมังปัดคลาดแคล้ว สังฆังปัดคลาดแคล้ว
พระเจ้าเกิดแล้ว อิติปิโส ภะคะวาติ เมื่อว่าจบเครื่องยนต์ก็ดับพอดี ปรากฏว่าสายพานขาด ๑เส้น
หลุดหัวต่ออีกสองเส้น ชาวบ้านจึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลระยอง
หลวงพ่อได้สลบไปชั่วครู่พอฟื้นมาก็พบกับหมอและพยาบาลหญิง
หลวงพ่อจึงขอเปลี่ยนโรงพยาบาลไปที่โรงพยาบาลสัตหีบ(อาภากรเกียรติวงศ์)รักษาอยู่หลายเดือนจึงหายแต่ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อนแต่ก็รับนิมนต์ตลอด(หลวงพ่อท่านเป็นพระที่เกรงใจ)โดยขัดศรัทธาไม่ได้
พ.ศ. ๒๕๒๓
อาการของหลวงพ่อก็ยังทรงๆอยู่เช่นเดิมและมีโรคปวดท้องเพิ่มขึ้นมาอีกฉันยาหม้อแล้วก็ไม่ทุเลากลับมีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ 
เดือนมีนาคมหลวงพ่อจึงต้องเข้าโรงพยาบาล(อาภากรเกียรติวงศ์)อีกครั้งหนึ่งและเป็นการเข้าโรงพยาบาลครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อ มาอยู่ได้๑๐วันแพทย์ก็ยังหาสาเหตุของโรคไม่พบ
แพทย์จึงต้องนำอุจจาระไปตรวจจึงพบว่ามีเลือดปนมากับอุจจาระ
แพทย์จึงเอาสายยางดูดเอาน้ำในกระเพาะอาหารออกมาตรวจอีกครั้งและพบเลือดสดๆปะปนมากับน้ำนั้นด้วย
แพทย์จึงสันนิษฐานว่าหลวงพ่อเป็นแผลในกระเพาะอาหารและจะทำการผ่าตัดหลวงพ่อยังไม่ยอมให้ผ่าตัดแต่จะกลับวัด ทางโรงพยาบาลไม่ยอมให้กลับจนเมื่อร่างการหลวงพ่อไม่ไหวหนังเข้าหลวงพ่อจึงยอมให้ผ่าตัด เมื่อวันที่๒๘มีนาคม๒๕๒๓เวลา๐๙.๐๐น.จึงนำหลวงพ่อเข้าห้องผ่าตัดผลปรากฏว่าหลวงพ่อเป็นแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ทะลุแผลที่ทะลุนั้นอยู่ตรงถุงน้ำดีและตับอ่อนพอดีไม่สามารถจะตัดต่อลำไส้ได้จึงได้อุดช่องเดิมแล้วลัดตรงข้ามแผลไปออกลำไส้ 
พอหลวงพ่อฟื้นขึ้นมาอาการก็ยังไม่ดีขึ้นแม้แพทย์พยายามช่วยเหลืออาการก็ยังไม่ดีขึ้นจึงต้องนำเข้าห้อง
ไอ.ซี. ยู. อีกครั้งหนึ่ง และหลวงพ่อก็จากไปด้วยสงบเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๒๓ 

 
พระเครื่องอื่น ๆ
ไม่พบสินค้าในฐานข้อมูล หมวดหมู่นี้
 
ตะกร้าพระเครื่อง

ดูตะกร้าพระเครื่อง
แจ้งการชำระเงิน
ตรวจสอบวันจัดส่ง
สถานะการส่งพระเครื่อง

พระเครื่องแนะนำ

เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ศิลป์วัดกลาง จ.สมุทรปราการ  

พระโชว์ บาท


สิงห์หน้าโบสถ์หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี  

พระโชว์ บาท


ตะกรุดโสฬสมงคลหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกั่วถ้ำชา จ.นนทบุรี  

พระโชว์ บาท


เสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย พิมพ์พิเศษ(หน้าหมา) จ.สมุทรปราการ  

พระโชว์ บาท


กะลาราหูหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ลูกที่ 2  

พระโชว์ บาท


หนุมานหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เสือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม  

พระโชว์ บาท


เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ลูกที่ 1  

พระโชว์ บาท


พระเครื่องแนะนำทั้งหมด
เปิดโลกพระเครื่อง
เปิดโลกสมเด็จ
เปิดโลกพระกรุ
ทำเนียบสมเด็จพระสังฆราชไทย
ตำนานพระพุทธรูป
หลักการดูพระเบื้องต้น
รายนานเกจิอาจารย์
อ่านบทความทั้งหมด