ดาบซามูไรทาชิ(Tachi) ยุคเอโดะตรงกับบ้านเราสมัยอยุธยา เป็นดาบเก่าที่ตกค้างในบ้านเราสันนิษฐานเข้ามาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ช่วง ร.3 เข้ามาใน Uniforn ซามูไรในช่วงนั้นมีการสั่งดาบญี่ปุ่นเข้ามาจำนวนหนึ่ง แต่ทรงดาบเก่ากว่านั้นอยู่ในยุคสมัยอยุธยา ตามบันทึกของ Shape of the Edo period เป็นดาบซามูไรชนชั้นสูงโดยดูจากTsuba(กระบังดาบ) มีเดินเส้นทองคำตกแต่ง และ Fuchi ทำจากเงิน
ทั้งส่วน Habaki และ Seppa มีเปียกทองคำ
ดาบซามูไรเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี วิถีแห่งบูชิโด ดาบคาตานะ
ดาบซามูไรที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยความสวยงาม, ความคม,
เทคนิคการสร้างที่ปราณีต ตีพับสอดไส้ โดยมีเทคนิคการตีคือเพิ่มวิธีการผสมเหล็กสองชนิดเข้าด้วยกัน
เหล็กที่มีความแข็งจะมีปริมาณคาร์บอนสูงใช้ทำเป็นตัวดาบ
และเหล็กอ่อนที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำใช้ทำเป็นไส้ดาบเพื่อให้ยืดหยุ่น
จากเหล็กสองชนิดที่ถูกนำมาพับและตีมากกว่าสิบชั้น ทำให้เกิดชั้นเล็กๆ
เป็นทวีคูณเป็นหมื่นชั้น ช่างตีดาบจะพับเหล็กแข็งให้เป็นรูปตัว "U"
และนำเหล็กอ่อนมาวางไว้ตรงกลางเพื่อเป็นไส้ใน
แล้วนำไปหลอมและตีรวมกันให้แผ่ออกเป็นใบดาบ การตีใช้เวลาขั้นต่ำ 6 เดือน บางเล่มเป็นปี หรือตีออกมาแล้ว 10 เล่ม อาจใช้ได้เพียง 3 เล่มที่ดีที่สุด ทำให้ดาบคาตะนะได้ชื่อว่าเป็นดาบที่ดีที่สุดของโลก
ดาบเล่มนี้เป็นดาบซามูไร ไม่ใช่ดาบทหาร เป็นดาบเก่าค้นพบในบ้านเรา ดาบเล่มนี้ผู้ตีมีสลักที่ตรงกั่นดาบบอกเมือง
และชื่อช่างตีดาบ จากบนลงล่าง
บรรทัดที่ 1 NO 濃 ชื่อเมือง
บรรทัดที่ 2 SHU 州
บรรทัดที่ 3 NORI ชื่อช่างตีดาบ
บรรทัดที่ 4 KANE
ดาบเล่มนี้ตีที่แคว้นมิโนะ เมืองโนชู ชื่อช่าง โนริคาเนะ Fitting เครื่องประดับดาบเป็นดาบทาชิชนชั้นเจ้านายขั้นสูงในยุคศักดินา
แคว้นมิโนะ (ญี่ปุ่น: 美濃国 Mino no kuni)
หนึ่งในอดีตแคว้นศักดินาของญี่ปุ่นปัจจุบันคือทางตอนใต้ของจังหวัดกิฟุ
ซึ่งบางครั้งเรียก โนชู (ญี่ปุ่น: 濃州 Nōshū) เมืองเอกของแคว้นมิโนะคือกิฟุ
อันเป็นที่ตั้งของปราสาทอินาบายามะหรือปราสาทกิฟุในปัจจุบัน
ยุคของดาบ
太刀
ตรงกับค.ศ. 1336 - ค.ศ. 1568 ดาบทาชิเป็นดาบคมเดียวมีความยาวของใบดาบอยู่ที่ 70-78 cm โดยประมาณ เป็นดาบที่มีความยาวและความโค้งของสันดาบค่อนข้างมาก
นิยมใช้ในช่วงยุค เฮอัน 平安- ยุค มูโรมาชิ 室町 เป็นยุคช่วงที่ซามูไรยังมีอยู่กระจัดกระจายเป็นตระกูลเล็กตระกูลน้อย
มีจำนวนไม่มาก รูปแบบการรบเป็นการรบแบบตัวแทนระหว่างตระกูล
และนิยมใช้ม้าในการทำศึก
โดยดาบได้รับการออกแบบให้ความโค้งสัมพันธ์กับมุมการฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อฟันจากที่สูง
นั้นก็คือการฟันจากบนหลังม้า แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคปลาย มูโรมาชิ 室町 การรบโดยกองกำลังเท้ามีบทบาทมากขึ้น ทำให้กลุ่มที่ใช้ดาบทาชิ
กลายเป็นกลุ่มซามูไรชั้นสูงที่ต้องรบบนหลังม้าแทน
刀 ดาบคาตะนะ
เป็นดาบคมเดียวที่มีบทบาทโดดเด่นในช่วงยุคท้าย มูโรมาชิ 室町 จนถึง เอโดะยุคปลาย 江戸 ยุคเอโดะ (ญี่ปุ่น: 江戸時代 Edo-jidai) หรือยุคที่เรียกว่ายุคโทกูงาวะ (徳川時代 Tokugawa-jidai) ค.ศ. 1603 - ค.ศ.
1868 คือยุคที่มีไดเมียวตระกูลโทกูงาวะเป็นโชกุน
เริ่มเมื่อโทกูงาวะ อิเอยาซุ ได้รวบอำนาจและตั้งรัฐบาลโชกุนขึ้นที่เอโดะ
(ปัจจุบันคือโตเกียว) ตรงกับยุค อยุธยาบ้านเรา ดาบคาตะนะเริ่มจากพลซามูไรเดินเท้าที่เรียกว่า
อาชิการุ 足軽 ที่ดัดแปลงพัฒนาเอาดาบ ทาชิมาตัดให้สั้นลง เพื่อคล่องตัวในการรบบนพื้นดิน
และเกิดความคล่องตัวในการชักดาบเพื่อต่อสู้
จนยุคหลังๆช่างตีดาบจึงหันมาตีดาบที่มีความยาวสั้นลงและความโค้งสันดาบตรงขึ้น
ก็คือดาบคาตะนะถือโดยชนชั้นซามูไรในญี่ปุ่นสมัยศักดินา จึงได้ชื่อว่า
"ดาบซามูไร"
ที่กล่าวมาข้างต้นเพื่อไล่ยุคของดาบเล่มนี้ว่า
เป็นดาบคาตะนะยุคแรกที่ เป็นดาบช่วงรอยต่อที่ทหารญี่ปุ่นเริ่มลงจากหลังม้า
จึงรับวัฒนธรรม ดาบทาชิ โดย ดูได้จากFittingต่างๆของดาบทาชิเล่มนี้ทำจากเหล็ก ก็มีอายุหลายร้อยปี พอเห็นฮามอน(HAMON)
ถ้าให้ชัดต้องขัดเรียกฮามอนแต่ก็จะเสียธรรมชาติผิวดาบเดิมที่ผ่านกาลเวลาไป ทรงดาบบอกถึงยุคสมัยตรงกับสมัยเอโดะ โดยดูจากบันทึก Period ทรงใบดาบเล่มนี้ ตรงกับบ้านเรา คือ สมัยอยุธยา ตรงกับราชวงศ์ปราสาททอง ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ถึง ราชวงศ์บ้านพลูหลวง สมเด็จพระเพทราชา ดาบเล่มนี้มีอายุ เกือบ 350 ปี
พิธีกรรมการตีดาบแบบโบราณนั้นมีขั้นตอนมากมายและถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์
ช่างตีดาบต้องถือศีลกินเจ นุ่งขาวห่มขาวถือเพศพรหมจรรย์ และทำสมาธิในขณะที่หลอมเหล็ก
ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพื่อผลิตดาบให้เป็นมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของดาบเล่มนั้นๆ
ช่างตีดาบและลูกมือจะร่วมมือกันทำดาบเพียงหนึ่งเล่มในระยะเวลามากกว่าหนึ่งเดือน
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่างตีดาบที่ดีจะทำดาบที่ดีออกมา
หากช่างตีดาบมีจิตใจไม่ดีดาบที่ตีออกมาก็จะไม่ดีไปด้วย ดาบแต่ละเล่มจึงมีราคาไม่เท่ากัน
บางเล่มราคามากกว่าที่ดินหนึ่งผืน
หรือดาบที่ดีเพียงเล่มเดียวอาจจะมีราคาสูงกว่าหอกสามร้อยเล่ม
ในสมัยโบราณดาบจึงไม่ใช่อาวุธที่สามารถจะซื้อมาใช้ในกองทัพได้
นอกจากเป็นสมบัติส่วนตัวของเหล่าซามูไรเท่านั้น
จุดเริ่มต้นของโรงตีดาบ
เนื่องจากสมัยโคโตยาวนานกว่า700ปีแถมมีสงครามบ่อยครั้งความต้องการดาบสูงมาก
ช่วงนึงของสมัยโคโตก็ตรงกับสมัยคามาคุระคือประมาณศตวรรษที่12-13
ซึ่งเป็นยุคทองของดาบ เพราะมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและสวยงาม
มาซามุเนะที่เป็นช่างตีดาบผู้ยิ่งใหญ่ก็อยู่ในยุคนี้ด้วยเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยโคโตก็มีสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่คือเซนโกคุ
เรียกได้ว่าเดี๋ยวรบเดี๋ยวเลิกกันอยู่เป็นร้อยปี ทำให้มีโรงตีดาบเกิดขึ้นมากมาย
แต่จะเกาะกลุ่มอยู่ในเขตที่มีแร่เหล็กหรืออยู่เขตปกครองของตระกูลที่เป็นทหาร
และเกิดรูปแบบการตีดาบขึ้น 5 แบบเรียกตามชื่อจังหวัดในขณะนั้น (ในวงเล็บคือจังหวัดในปัจจุบัน)
ได้แก่
1.บิเซน(โอคะยามะตอนล่าง)
2.มิโนะ(กิฟุ) เมืองที่ตีดาบเล่มนี้
3.โซชูหรือซากามิ(คานากะวะ)
4.ยามะชิโระ(เกียวโต)
5.ยามาโตะ(นารา) ดาบดีบางเล่มในสมัยโบราณต้องนำวัวมาแลก 300 ตัว เจ้าของดาบอาจจะยอมแลก ดาบเก่าในบ้านเราหายากมากไม่รวมที่ทางญี่ปุ่นมาซื้อกลับไปในประเทศ ปัจจุบันมีราคาสูงขอโชว์อย่างเดียว
|