รูปถ่ายซีเปียครูบาเจ้าศรีวิชัยประคำมือ ขนาด 4*6 นิ้ว ไม่รวมการด์ การด์ห้องภาพยากีเดิมๆ
วัดพระเจ้าตนหลวง(วัดศรีโคมคำ)คราวฉลองวัดพระเจ้าตนหลวง
ถ่ายที่ต้นชบาบนพระธาตุจอมทอง ปี พ.ศ.2467
ภาพนี้ได้ถือเป็นแบบสร้างเหรียญไข่ครึ่งองค์ ปี 2482 แชมป์ ตามความเชื่อของชาวล้านนาภาคเหนือรูปแต่ละบานจะมีเทวดาคอยปกป้องคุ้มครองรักษา
ศิษย์ครูบาเจ้าศรีวิชัยมีอยู่มากมายที่อยู่ทางภาคเหนือและที่อยู่ภาคกลางก็มีที่ค้นคว้าได้ก็มี
2 รูปในตอนนี้ คือ
-หลวงพ่อเม็ด วัดบึงกระจับ จ.ฉะเชิงเทรา พระดังเมืองแปดริ้ว เมื่อหลวงพ่อถึงเกณฑ์บวชแล้วก็ได้เริ่มการทำวัติปฏิบัติ
ฝึกการเจริญสมาธิ ใช้จิตภาวนาและเรียนวิปัสสนากัมมัฎฐานได้ออกธุดงค์วัตรเพื่อเสาะแสวงหาอาจารย์และสถานที่อันสงบวิเวกท่านได้ธุดงค์ไปทั่วทุกภาคของไทย
เฉพาะที่ภาคเหนือใช้เวลาอยู่นานถึง 3 ปี
เคยเข้าไปจำพรรษาที่วัดพระธาตุดอยสุเทพกับครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย
เพื่อศึกษาธรรมด้านวิปัสสนากัมมัฐฐานท่านเป็นพระดังแบบเงียบๆไม่มีนักเล่นพระมาเชียร์
เพราะวัตถุมงคลของท่านสร้างน้อยมีไม่กี่สิบรุ่นเรื่องพรายน้ำหลวงพ่อเม็ดดังมากว่าท่านสามารถจับ
พรายน้ำ ขึ้นมาได้ โดยนำสายสิญจน์มีดินเหนียวเป็นลูกตุ้มหย่อนลงน้ำ
ท่านอยู่บนแพแล้วลากแพไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสายสิญจน์ มีอาการเหมือนปลาติดเบ็ด
เมื่อดึงขึ้นมาปรากฏ มีสิ่งมีชีวิตตัวใสเหมือนแมงกะพรุน
หน้าตาเหมือนเด็กเหี่ยวๆมีฟันแหลม
ดิ้นไปมาปรากฏพ่อเด็กที่ถูกพรายน้ำตัวนั้นเล่นงานตรงเข้ามากระทืบเละคาเท้าเลย
อาการเมื่อโดนพรายน้ำทำร้ายคือ ขาจะชาไม่มีแรงจมน้ำเข้าใจว่าพรายน้ำพวกนี้จะดูดเลือดเป็นอาหาร
เพราะใครจมน้ำเสียชีวิตถ้าไม่นานตัวจะไม่ซีดมาก
แต่ถ้าโดนพรายน้ำเล่นงานว่ากันว่าเลือดไม่รู้ไปไหนหมดไม่มีเอาเสียเลย
ตัวจะซีดและเขียวมากทั้งที่จมน้ำไปไม่เกิน ช.ม. (ใช้วิจารณญาณในการอ่านเป็นเพียงคำบอกเล่าจากชาวบ้านและลูกศิษย์)
สาเหตุที่ท่านเชี่ยวชาญวิชานี้เป็นพิเศษ เพราะหลังวัดท่านเป็นบึงชื่อ บึงกระจับ
-หลวงพ่อทองอยู่
วัดใหม่หนองพะอง จ.สมุทรสาครก็เป็นลูกศิษย์ของครูบาเจ้าศรีวิชัยอีกรูปหนึ่งที่อยู่ทางภาคกลาง
ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาดับดาวมาจากครูบาเจ้าศรีวิชัยก่อนหน้าที่หลวงพ่อทองอยู่จะพบครูบาเจ้าฯเริ่มจากการออกธุดงค์ท่านได้พบปะสนทนากับพระธุดงค์หลายรูปด้วยกัน
ในจำนวนนั้นก็มีเทพเจ้าแห่งล้านนาไทย ครูบาศรีวิชัย
หลวงพ่อได้สนทนาธรรมกันเป็นที่ถูกอัธยาศัยของกันและกัน
เมื่อเวลาที่หลวงพ่อออกธุดงค์ไปทางเหนือท่านจะแวะไปพักสนทนาธรรมศึกษาวิชา
ความรู้ของกันและกันเสมอมาเป็นที่รู้ใจกันในวิชาความรู้ในวิชาสมถภาวนาและ
วิปัสสนาภาวนา ซึ่งท่านครูบาศรีวิชัย ได้เคยชักชวน ลพ.ทองอยู่
ให้อยู่กับท่านด้วยกัน แต่ ลพ.ทองอยู่
ยังติดภาระที่ต้องดูแลทางวัดอยู่จึงเดินทางกลับมา ซึ่งครูบาศรีวิชัย ท่านจะถวายปัจจัยสำหรับค่าเดินทางกลับให้อยู่เสมอมิได้ขาด มีอยู่ครั้ง หนึ่ง
ลพ.ทองอยู่ได้กราบเรียนถามพระครูบาเจ้าฯว่า
ปฏิบัติอย่างไรจึงมีเมตตามีบารมีและมีคนนับถือมากมายขนาดนี้ ซึ่งพระครูบาเจ้าศรีวิชัยก็ได้ตอบแก่
ลพ.ทองอยู่ อย่างเมตตาว่า
" พุทโธ ธัมโม สังโฆ นี้แหละ
ที่เฮาภาวนาเสมอ มิได้ขาด และ ลพ.ทองอยู่ ได้เคยกล่าวถึงท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย
ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดฟังว่า
ครูบาเจ้าศรีวิชัยนี้ ท่านมีญาณสูงมาก" ด้วยเหตุนี้แหละ จึงมีผู้ตั้งอธิกรณ์ฟ้องท่านว่าเป็นผีบุญ
เพราะไปไหนก็มีคนติดตามไปเป็นจำนวนมาก บางครั้งก็เดินไปเหนือยอดหญ้า
ฝนตกจีวรก็ไม่เปียกทั้งๆที่เดินฝ่าฝนไป
แต่สุดท้าย ผู้ที่กล่าวหาท่าน ก็ถูกบาปกรรมตามสนองอย่างน่าสยดสยองที่สุด
บุคคลทั้งหลายเหล่านี้ที่กล่าวหาว่าร้ายครูบาเจ้าศรีวิชัยจะให้ครูบาเจ้าสึกจากเพศบรรพชิตให้ได้ในยุคนั้นเกิดจากความไม่พอใจในครูบาเจ้าฯพระยังหนุ่มแต่มีคนนับถือมากและไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ใดๆในคณะสงฆ์หวังเพียงแค่พุทธภูมิ
จุดจบของบุคคลเหล่านั้นล้วนจบด้วยความทุขเวทนาทั้งสิ้น
-พระมหาอินทร์เจ้าคณะแขวงลี้จุดจบก่อนมรณะภาพฉันข้าวข้าวติดลำคอได้รับทุกขเวทนาจนมรณะภาพ
-เจ้าหนานบุญเติม นายอำเภอลี้ ถูกฟ้าผ่าตายอนาถ
-พระครูสุคันธศีล(สีโหม้)นิ้วมือนิ้วเท้าเน่า
และขณะท่านเดินออกมาข้างนอกฟ้าผ่าช่อฟ้าหักมาโดนตัวท่านต้องได้รับอาพาธหนักจนมรณะภาพ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
|