รูปถ่ายซีเปียครูบาศรีวิชัย ถ่าย ณ ศาลาบาตร วัดศรีดอนไชย ปี 2463 ขนาด 4*5.5
นิ้ว ไม่รวมการด์ กรอบเดิม การด์ M.Tanaka นายเอ็ม. ทานาคา(โมริโนสุเกะ ทานาคา) หรือชาวเชียงใหม่เรียกว่า นายห้างทานาคา
บุคคลที่บุกเบิกวิชาการถ่ายรูปและการตั้งโรงภาพยนต์ขึ้นในเชียงใหม่ในสมัยนั้น เป็นต้นแบบของล็อกเก็ตครูบาศรีวิชัย
ปี 2482 เป็นรูปถ่ายอันดับ 1 ของล้านนา
เป็นรูปถ่ายที่ครูบาศรีวิชัยถ่ายครั้งแรกเป็นจุดเริ่มต้นของ
มหากาพย์ของครูบาศรีวิชัยและคณะสงฆ์ในยุคนั้น ครูบาศรีวิชัยถูกกักตัวอยู่
ณ วัดป่ากล้วย หรือวัดศรีดอนไชย นับตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2463 จนกระทั่งถึงวันที่
18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463 อันเป็นเวลาที่ถูกกักขังที่จะนำตัวไปสอบสวนที่กรุงเทพฯ ครูบาฯเป็นพระภิกษุธรรมดาๆ
องค์หนึ่งซึ่งเข้าร่วมห่มผ้าเหลืองมาเป็นพระเข้าบวชเรียน จากสามเณรสู่พระภิกษุ และ
ท้ายที่สุดก็สิ้นอายุขัยในผ้าเหลืองในระยะเวลา 42 ปี โดยไม่เคยได้รับสมณศักดิ์ใดๆ
ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่เคยมีพัดยศ หรือตำแหน่งทางคณะสงฆ์ แต่ทว่า
พระภิกษุรูปนี้กลับเป็นผู้สามารถทำให้วัดต่างๆ ที่เชียงใหม่
และลำพูนพัฒนาขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากจนกระทั่งท่านได้รับการยกย่องว่า
"เป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย"
ซึ่งทุกท่านที่เคยเดินทางสู่แผ่นดิน อาณาจักรล้านนาไทยอันเก่าแก่
ไม่ว่าจะเป็นเมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย ฯลฯ
จะไม่มีวันหนีพ้นนามของ ครูบาศรีวิชัย ได้เลย
เพราะจังหวัดของหัวเมืองเหนือที่ได้เอ่ยมานี้ล้วนแต่มีผลงานของท่านปรากฏเด่นชัดอยู่ทั้งนั้น
ตลอดชีวิตของท่านไม่เคยทำบาป สร้างแต่ความดีให้แก่สาธารณชน
การถูกใส่ความที่ต้องรอนแรมลงมารับการสอบสวนที่กรุงเทพฯ ถึง 2 ครั้งในชีวิต
แต่ก็พ้นมลทิน ครูบาศรีวิชัยท่านมีญาณหยั่งรู้ และมีอิทธิปาฎิหารย์จริง แต่ท่านไม่เคยอวดอ้างและมีคนเห็นท่านเดินกลางฝนแต่ไม่เปียกฝนเดินเท้าไม่ติดพื้นและผู้คนก็ลือกันปากต่อปาก และมีคนไปสอบถามท่าน ท่านก็ตอบไปว่าก็เพราะกางร่มถึงไม่เปียกฝนและใส่ร้องเท้าเท้าถึงไม่เลอะ
ท่านจะสอนไม่ให้คนหลงงมง่าย และมีความอัจฉริยะด้านภาษาในชนเผ่าชาวเขาชาติพันธ์ต่างๆ
เพราะชาวเขาไม่มีศาสนานับถือภูติผี
ครูบาฯท่านชักจูงเผยแพร่พุทธศานาให้ชาวเขาพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนในยุคนั้นมาตั้งมั่นในพุทธศาสนาและเป็นที่รักใคร่ในตัวท่านดุจเทพเจ้า
และครูบาฯท่านไม่เคยสร้างพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง
มีแต่สัจจธรรมของพระพุทธองค์เป็นสมบัติ ท่านบอกว่าพระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้สร้างพระไม่ให้ยึดติดในวัตถุ
มีแต่รูปถ่ายที่ครูบาศรีวิชัยที่ท่านได้อนุญาติถ่ายจากตัวท่านเพื่อให้ประชาชนผู้ที่ศรัทธาในตัวท่านได้ไว้เป็นที่ระฤก
เมื่อครูบาฯท่านมรณะภาพท่านไม่มีสมณศักดิ์ใดๆในคณะสงฆ์แต่ก็ได้พระราชทานเพลิงพระศพครูบาศรีวิชัย
ณ.วัดจามเทวี อัญเชิญเพลิงพระราชทานโดย พลตรีพระยาพหลพลพยุหเสนา ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์คนสำคัญอีกคนหนึ่งของครูบาศรีวิชัยและเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทยหลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยนั้นและค่าใช้จ่ายในการจัดงานสมัยนั้นใช้จ่ายไปจำนวน
75,000
บาทในสมัยนั้นถือเป็นจำนวนเงินมหาศาลจำนวนเงินนี้ได้รับการบริจาคจากประชาชนผู้ที่ศรัทธาในตัวท่านทั้งสิ้น
ครูบาศรีวิชัยเป็นพระที่มีแต่ให้โดยแท้ ไม่หวังยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญ
ท่านต้องการเพียงบรรลุธรรมขั้นสูงสุด นี่คือนักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนาไทย
|