รูปถ่ายซีเปียครูบาเจ้าศรีวิชัย
ถ่ายที่วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ กรอบการ์ดเดิม ระหว่างครูบาศรีวิชัยบูรณะวัดพระสิงห์ ท่านเกรงว่า พระไตรปิฎกฉบับล้านนาอาจสูญหายหรือเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ท่านและบรรดาสานุศิษย์จึงได้รวบรวมพระไตรปิฎกที่ถูกทิ้งอยู่ตามวัดต่างๆทั่วเขตล้านนานำมารวมกัน แล้วทำการสังคายนาจัดหมวดหมู่และจารธรรมใบลานขึ้นมาใหม่ เพื่อไว้เป็นหลักฐานให้พระภิกษุได้ศึกษาค้นคว้า ประพฤติตามธรรมวินัยสืบอายุบวรพระพุทธศาสนาต่อไป ผลงานการสังคายนาพระไตรปิฎกฉบับล้านนาของครูบาศรีวิชัยได้รับการยกย่องจากหมู่สงฆ์ว่า ท่านเป็นผู้ทรงความรู้ด้านพระไตรปิฎก มิใช่เพียงพระบ้านป่าธรรมดาแต่เป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฎิบัติชอบและศึกษาพระธรรมวินัยอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งแสดงถึงความตั่งมั่นสู่นิพพานโดยแท้ ดั่งข้อความบนใบลานที่ท่านมักเขียนเป็นภาษาล้านนาไว้ในตอนท้ายว่า "ปรารถนาขอหื้อข้าได้ตรัสประหญาสัพพัญญูโพธิสัตว์เจ้าจิ่มเทอะ" ครูบาเจ้าฯท่านเป็นพระภิกษุธรรมดาๆ
องค์หนึ่งซึ่งเข้าร่วมห่มผ้าเหลืองมาเป็นพระเข้าบวชเรียน จากสามเณรสู่พระภิกษุ และ
ท้ายที่สุดก็สิ้นอายุขัยในผ้าเหลืองในระยะเวลา ๔๒ ปี โดยไม่เคยได้รับสมณศักดิ์ใดๆ
ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่เคยมีพัดยศ หรือตำแหน่งทางคณะสงฆ์ แต่ทว่า
พระภิกษุรูปนี้กลับเป็นผู้สามารถทำให้วัดต่างๆ ที่เชียงใหม่
และลำพูนพัฒนาขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากจนกระทั่งท่านได้รับการยกย่องว่า "เป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย"
ซึ่งทุกท่านที่เคยเดินทางสู่แผ่นดิน อาณาจักรลานนาไทยอันเก่าแก่
ไม่ว่าจะเป็นเมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย ฯลฯ
จะไม่มีวันหนีพ้นนามของ ครูบาศรีวิชัย ได้เลย
เพราะจังหวัดของหัวเมืองเหนือที่ได้เอ่ยมานี้ล้วนแต่มีผลงานของท่านปรากฏอยู่ทั้งนั้น
ตลอดชีวิตของท่านไม่เคยทำบาป
สร้างแต่ความดีให้แก่สาธารณชน
การถูกใส่ความที่ต้องรอนแรมลงมารับการสอบสวนที่กรุงเทพฯ ถึง ๒ ครั้งในชีวิต
แต่ก็พ้นมลทิน คือผลตอบแทนที่ท่านได้รับต้นกำเนิดของคำว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด
|