กะลาราหูครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ จ.ลำปาง ยุคต้น ศิลป์หัวจุก ผิวหิ้งลงรักชาดทองมีการหลุดร่อนไปตามกาลเวลาง่ายต่อการพิจารณา
ขอเรียกว่า องค์หยินหยาง กะลาเข้มลงสุริยะประภา กุ เส โต ฯ ส่วน กะลาเผือก
ลงจันทระประภา ยะ ถา ตัง ฯ ตามบันทึกกะลาราหูครูบานันตาจัดทำขึ้นยุคแรกช่วงปี
พ.ศ.2462 และทำมาจนถึง ปี พ.ศ.2503
ส่วนตัวคิดว่าก่อนหน้านั้นครูบานันตาก็มีทำขึ้นแต่ไม่ได้บันทึกไว้
อาจจะเป็นศิลป์ที่ยังไม่ได้มาตรฐานแบบที่พบเห็นกัน กะลาราหูครูบานันตาได้รับการยกย่องว่าเป็นจักรพรรดิ์เครื่องรางล้านนา
เป็นพระคณาจารย์ร่วมสมัยกับ ท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
ที่มีผู้ให้ความเคารพศรัทธาเลื่อมใสทั่วแผ่นดินล้านนา เนื่องมาจากครูบาศรีวิชัย
ตนบุญแห่งล้านนาได้รับการช่วยเหลือจากศาสตร์ลี้ลับแขนงนี้ของสำนักนี้
ให้พ้นมลทินจากการต้องอธิกรณ์ หลายต่อหลายครั้ง และในปี พ.ศ.2462
ที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยถูกต้องอธิกรณ์ลงมาที่กรุงเทพๆ
ครูบานันตาก็ทำกะลาราหูให้ครูบาเจ้าศรีวิชัยพกไว้คู่หนึ่ง เพื่อให้จากร้ายกลายเป็นดี
ครูบาเจ้าศรีวิชัยก็พ้นตามแรงปรารถนาดั่งที่ครูบานันตาตั้งใจไว้ จนครูบาเจ้าศรีวิชัยเอง
ท่านได้กล่าวกับศิษย์ของท่านว่า
"ตุ๊คำอ้าย"ต๋นเปิ้นเละตางวิชาอาคมเหียแล้ว
ตี๋นเปิ้นตึงจะลอยบ่ย่ำปี้นแต้นา" แปลว่า
"พระคำอ้ายรูปนี้หากท่านละทางวิชาอาคมได้ เท้าท่านจะลอยไม่เหยียบพื้นจริงๆ
นะ" มีความหมายว่า "หากครูบานันตา
ท่านละทางวิชาอาคมได้ท่านจะเป็นพระอรหันต์ทีเดียว"
จึงเป็นบทยืนยันที่น่าเชื่อว่าท่านเป็นเลิศทางไสยเวทล้านนายิ่งนัก ดูง่ายและจบ หายากมาก
|