รูปถ่ายซีเปียครูบาเจ้าศรีวิชัยประคำมือ ขนาด 4*5.5 นิ้ว ไม่รวมการด์ กรอบการด์เดิมๆ ถ่ายที่วัดพระเจ้าตนหลวง(วัดศรีโคมคำ) จ.พะเยา คราวฉลองวัดพระเจ้าตนหลวง
ถ่ายกลางแจ้งที่ใต้ต้นชบาแดงบนพระธาตุจอมทอง ปี พ.ศ.2467
ความอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งของครูบาเจ้าศรีวิชัย
ครูบาเจ้าศรีวิชัยถือกำเนิดและวาระที่ละสังขารของครูบาเจ้าศรีวิชัย
ท่านมาอย่างไรท่านก็กลับไปอย่างนั้น ท่านเกิดที่กระท่อมท้องฟ้าวิปริต ท่านละสังขารท่านก็นอนที่กุฎิที่มุ่งหญ้าคาหลังเล็ก
และท้องฟ้าก็วิปริตอันเป็นสัญญาณ ครูบาเจ้าศรีวิชัยถือกำเนิด ครูบาเจ้าศรีวิชัยชนะภิกขุ
เดิมชื่อเฟือนหรืออินท์เฟือนบ้างก็ว่าอ้ายฟ้าร้อง
เนื่องจากในขณะที่ท่านถือกำเนิดนั้นปรากฏฝนฟ้าคะนองอย่างหนัก ส่วนอินท์เฟือนนั้น
หมายถึง การเกิดกัมปนาทหวั่นไหวถึงสวรรค์หรือเมืองของพระอินทร์ ปรากฎว่าบนท้องฟ้าเกิดความวิปริต มีลมพัดแรงฝนตกหนัก ฟ้าแลบฟ้าคะนองตลอดเวลา และเกิดฟ้าฝ่าขึ้นมีแสงสว่างกระจายทั่วกระท่อม ท่านเกิดในปีขาล
เดือน 9 เหนือ(เดือน 7 ของภาคกลาง) ขึ้น 11 ค่ำ จ.ศ.1240 เวลาพลบค่ำ
ตรงกับวันอังคารที่ 11 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2421
วาระใกล้ดับขันธ์ของครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านได้สั่งให้สานุศิษย์ให้ปลูกกุฎิเล็กๆมุ่งด้วยหญ้าคานอกบริเวณวัดนอกเขตพุทธาวาส ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เมื่ออุ้มท่านขึ้นกุฎิแล้วให้เอาคนโทหลั่งน้ำประกาศต่อสานุศิษย์ขอมอบวัดวาอารามให้อยู่ในปกครองของสงฆ์ต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าท่านมีมรณสัญญา
เราจะละสังขารในเดือนนี้แล้ว ขอท่านทั้งหลายให้ดูความวิปริตของท้องฟ้าอันเป็นสัญญาณเถิดแล้วท่านย้ำอีกว่าถ้าเรามรณภาพแล้วอย่าเอาซากศพเราไว้เขตวัดเป็นอันขาดเพราะเป็นเขตพระรัตนไตรแล้วอย่าเอาเราไว้ซากศพในเขตทิศตะวันตกของวัด
ในคืนวันแรม 2
ค่ำดวงจันทร์มีเพียงเซี่ยวประดับฟ้าดูลางเลือนท้องฟ้าเหมือนมีพยัคฆ์เมฆมาบดบังทุกคนดูท้องฟ้าดูสะท้านความเงียบครอบงำทุกหัวระแหงทุกอย่างเหมือนหยุดการเคลื่อนไหว
ท่านก็นอนที่กุฎิที่มุ่งหญ้าคาการนอนของท่านไม่สามารถนอนหงายได้ต้องนอนในท่วงท่าตะแคงข้างคล้ายปางไสยยาสน์
เป็นเรื่องอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งด้วยความบังเอิญหรือเพราะท่านป่วยอาพาธหนักด้วยโรคริดสีดวงทวาร
และท่านละสังขารในท่วงท่าแบบนี้ และท่านพูดอย่างแผ่วเบาขอให้ตุ๊เจ้าเอาธรรมมาเทศนาให้ฟังเถิดเราอยากฟังพุทธโอวาทเป็นครั้งสุดท้าย
มี 4 ผูก คือ 1.ธรรมมัคคสูตร 2.ธรรมโลกาวุฒิ 3.ธรรมบารมี 4. ธรรมจักร ท่านถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่าถึงเวลา
12 โมงหรือยังถามเป็นระยะ ท่านถามอีกครั้ง ลูกศิษย์ก็บอกว่าใกล้เที่ยงคืนแล้ว
ก็โบกมือให้หยุดอ่านพระธรรมเทศนาผูกที่ 4 ลงซึ่งอ่านไปครึ่งผูก และบอกครูบาต๋าให้หยุดเทศน์
และสำรวมจิตตั้งอยู่ในฌาณสมาบัติในที่สุดลมปราณของท่านก็ขาดช่วง ในเวลา เที่ยงคืนห้านาที
30 วินาที ครูบาทองศุขเป็นผู้จดบันทึก แล้วฝนก็ได้โปรยปรายลงมาเหมือนมารับท่านกลับสู่สรวงสวรรค์ชั้นดุสิต
เป็นที่โศกเศร้าในศิษยานุศิษย์และชาวบ้านปาง ตรงกับวันอังคาร ที่ 21 กุมภาพันธ์
พ.ศ.2481 ปีขาล รวมสิริอายุ 60 ปี 8 เดือน 10 วัน และ ครูบาชุ่ม วัดวังมุย
ก็นำน้ำผึ้งมากรอกใส่ปากครูบาเจ้าศรีวิชัย
ตามคำสั่งเสียของครูบาเจ้าศรีวิชัยเพื่อรักษาสรีระร่างของครูบาเจ้าศรีวิชัยไว้ จนกระทั่งถึงวันที่
21 มีนาคม พ.ศ. 2489 จึงได้รับพระราชทานเพลิง ณ วัดจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน
จังหวัดลำพูน โดยมีประชาชนมาร่วมในพิธีพระราชทานเพลิงจำนวนมาก
และประชาชนเหล่านั้นได้เข้าแย่งชิงอัฏฐิธาตุของครูบาศรีวิชัย
ตั้งแต่ไฟยังไม่มอดสนิท แม้แต่แผ่นดินตรงที่ถวายเพลิง
ก็ยังมีผู้ขุดเอาไปสักการบูชาอัฏฐิธาตุของท่าน ลึกลงไปถึง 2 เมตร
ด้วยความศรัทธาของมหาชน ท่านเป็นนักบุญแห่งล้านนาไทยที่เป็นพระมหาเถระที่มีคุณูปการอันมากมายต่อพระพุทธศาสนาและเป็นที่พึ่งของชาวประชาที่ยากที่หาใครเสมอเหมือน
|