รูปถ่ายครูบาศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ได้รับรางวัลที่ 2 ในงานตามรอยจอบแรกครูบาศรีวิชัย ครั้งที่ 7 วันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย 57 จ.เชียงใหม่ รูปนี้เป็นรูปพรรษาสุดท้ายของครูบาฯที่หายากรูปหนึ่งถ่ายตอนอาพาธหนักมารักษาตัวที่วัดจามเทวีตอนท่านมาเป็นประธานสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงระหว่างเชียงใหม่กับลำพูนช่วงปี
2481 ก่อนที่ท่านกลับไปมรณะภาพที่วัดบ้านปาง สะพานยังไม่แล้วเสร็จมาเสร็จภายหลังครูบาฯท่านมรณะภาพ ใช้นามสะพานเพื่อเป็นอนุสรณ์ตามชื่อของครูบาฯท่านคือ สะพานศรีวิชัย การต้องอธิกรณ์ครั้งสุดท้ายของท่านสาเหตุหนึ่งนั้นมาจากการสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพ
ผลงานชิ้นอมตะของท่าน เพราะขณะก่อสร้างอยู่นั้นเองปรากฎว่ามีพระสงฆ์ในจังหวัดเชียงใหม่รวม
10 แขวง 50 วัด ขอลาออกจากการปกครองคณะสงฆ์
ไปขึ้นอยู่ในปกครองครูบาศรีวิชัยแทนเพื่อมาช่วยในการสร้างถนน
เมื่อทางคณะสงฆ์เห็นเหตุการณ์ที่วัดและพระสงฆ์จำนวนมากขอแยกตัวไปขึ้นกับครูบาศรีวิชัยเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่นนั้น ทางคณะสงฆ์จึงสั่งให้กลุ่มพระสงฆ์ในวัดที่ขอแยกตัวออกดังกล่าวเข้ามอบตัวและมีพระสงฆ์จำนวนมากถูกคำสั่งให้สึกทันที
สร้างความตื่นตระหนกกันไปทั่วในหมู่พระสงฆ์
ญาติโยมประชาชนที่ศรัทธาในตัวครูบาศรีวิชัยว่าจะต้องเกิดเรื่องอีกเป็นแน่แท้และก็ไปเป็นตามที่คาดหมายกันเพราะครูบาศรีวิชัยก็ได้รับแจ้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง
การต้อง อธิกรณ์ครั้งที่ 3 นี้ได้ดำเนินมาจนกระทั่ง พ.ศ. 2479 ครูบาศรีวิชัยได้เดินทางไปกรุงเทพฯ อีกครั้ง
เพื่อให้คำรับรองต่อคณะสงฆ์ว่า
ท่านจะปฎิบัติตามพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองคณะสงฆ์ทุกประการ
ในเหตุการณ์ครั้งนี้ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ได้รับสั่งว่า ครูบาศรีวิชัย เป็นภิกษุที่ดีมาก
การที่พระองค์ได้อาราธนาครูบาศรีวิชัยลงมาพักอยู่ที่วัดเบญจมบพิตร เพื่อขอให้ครูบาศรีวิชัยได้ทำสัญญาว่า
จะไม่บวชพระเณรก่อนได้รับอนุญาติ ในขณะเดียวกันก็ได้ปรึกษาหารือ
เพื่อความเรียบร้อยแห่งวงการคณะสงฆ์ด้วย ซึ่งครูบาศรีวิชัยก็ได้เห็นชอบด้วยดี
และยอมทำสัญญาไว้กับสมเด็จพระสังฆราช
เมื่อได้ตกลงกันแล้วสมเด็จพระสังฆราชก็ได้ทรงอนุญาตให้ครูบาศรีวิชัยกลับเชียงใหม่ได้
ครูบาศรีวิชัยจึงเดินทางกลับลำพูนเมื่อวันที่ 13 พ.ค.2479 รวมเวลาที่ต้องสอบสวนและอบรมอยู่ที่ วัดเบญจบพิตรในครั้งนี้เป็นเวลาถึง
6 เดือน 17 วัน
ตลอดระยะเวลาที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ที่ต้องมารับการไต่สวนที่
กรุงเทพฯ ถึง 2 ครั้งตามข้อกล่าวหา ก็ได้รับพระเมตตา จากสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ ทั้ง 2 พระองค์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชริญาณวโรรส และ
สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม
ได้พ้นข้อกล่าวหาทั้ง 2 ครั้ง
ในการต้องอธิกรณ์ครั้งนี้เกิดเรื่องที่สะเทือนใจครูบาเจ้าฯ
มาก ที่มีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งไปหลอกให้พระลูกศิษย์ของท่านสึก
โดยอ้างว่าถ้าพระเหล่านั้นยอมสึกครูบาศรีวิชัยจะพ้นข้อกล่าวหา ทำให้พระสงฆ์
สามเณรจำนวนมากยอมทำตาม เพื่อจะช่วยพระอาจารย์ของพวกท่านได้
หนึ่งในนั้นก็มีครูบาขาวปี๋ หรือพระอภิชัยขาวปีศิษย์เอกของท่านที่ยอมสึก
และไม่ได้กลับมาบวชอีกเลย ขอกล่าวถึงครูบาขาวปี ตอนสร้างทางขึ้นดอยสุเทพ
ครูบาขาวปีท่านห่มขาวแบบชีปะขาว พอสร้างทางดอยสุเทพเสร็จแล้ว ท่านครูบาศรีวิชัยก็ทำการอุปสมบทให้ครูบาขาวปีอีกเป็นครั้งที่
3 ที่วัดพระสิงห์ และครั้งนี้ก็เป็นการบวชครั้งสุดท้ายของท่าน เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ครูบาศรีวิชัยประกาศจะไม่เหยียบเมืองเชียงใหม่อีกตราบใดที่แม่น้ำปิงยังไม่ไหลย้อนกลับ
แต่ครูบาศรีวิชัยก็ยังคงดำเนินการช่วยเหลือประชาชน
เป็นที่พึ่งทางใจและดำเนินการบูรณปฎิสังวรณ์วัดวาอารามต่าง
ๆตลอดจนสาธารณะประโยชน์ตามคำอาราธนาอยู่เรื่อยมา โดยไม่หวั่นไหวกับมารเหล่านั้นเลย
และประชาชนก็ยิ่งให้ความศรัทธาต่อครูบาเจ้าฯ เพิ่มมากขึ้นสมดังที่ ครูบาเจ้าฯท่านพูดไว้จริงๆว่า
มารไม่มี บารมีไม่เกิด
|