พระบูชาหลวงพ่อเงินบางคลาน ไม้โพธิ์แกะ หน้าตัก 5.5 นิ้ว สูง 6นิ้ว แกะจากต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์แต่ละองค์ที่พบเห็นจะไม่เหมือนกันขนาดก็แตกต่างกันมีทั้งเล็กและใหญ่ หน้าตาก็แล้วแต่จินตนาการของช่างแต่จะละม้ายคล้ายคลึงกับองค์ที่อยู่ในโบสถ์ ต้นโพธิ์เสี่ยงทายของหลวงพ่อเงิน เป็นต้นโพธิ์ที่หลวงพ่อเงินได้หักกิ่งมาปักไว้ริมน้ำหน้าพระอุโบสถ วัดวังตะโก
ก่อนจะนำมาปักหลวงพ่อได้ อธิษฐานจิตขอเสี่ยงทายไว้ว่า
หากวัดท่านจะเจริญรุ่งเรืองก็ขอให้กิ่งโพธิ์กิ่งนี้จงแตกกิ่งก้านกว้างใหญ่ไพศาลด้วยเถิด
ต่อมาไม่นาน กิ่งโพธิ์นั้นก็ออกรากหยั่งลึกลง และงอกงามเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
พร้อมๆกับวัดของท่านที่ท่านได้สร้างขึ้นมา
เมื่อตอนที่ท่านอยู่ที่วัดแห่งนี้ท่านได้ทำแคร่ไม้ไว้ใต้ต้นโพธิ์ เพื่อไว้พักผ่อน
อิริยาบทของท่าน แต่เมื่อท่านได้สิ้นชีวิตลงแล้ว พระครูพิมูลธรรมเวท
เจ้าอาวาสได้ทำการสร้างพระอุโบสถขึ้นใหม่แทนหลังเดิม ซึ่งแก่ชรามากแล้ว
แต่กิ่งก้านของต้นโพธิ์ของหลวงพ่อได้มาปิดบังหน้าพระอุโบสถ
ทำให้ขาดความสวยงามไปมากท่านพระครูธรรมเวทจึงได้ว่าจ้างให้ชาวบ้านมาทำการตัดกิ่งเหล่านั้นออกไปแต่ไม่มีชาวบ้านคนไหนที่กล้าจะเสี่ยงกับงานที่กระทบกระเทือนของหลวงพ่อชิ้นนี้เลย
ในที่สุดพระครูพิมูลธรรมเวท จึงได้นำดอกไม้ ธูป เทียน
มาจุดบอกกล่าวขอความกรุณาจากหลวงพ่อเงิน โดยการที่ทำการตัดกิ่งโพธิ์ในครั้งนี้
ก็เพื่อจะทำให้วัดสวยงามขึ้น มิใช่เป็นการดูหมิ่นลองดีอะไรกับหลวงพ่อ
และขอให้หลวงพ่อหักให้ด้วยจากนั้นมาเพียงไม่กี่วัน
กิ่งโพธิ์กิ่งนั้นก็หักครืนลงมาเอง โดยไม่มีลมพายุ หรือว่าสิ่งผิดปรกติจากภัยธรรมชาติใดๆเลย
เมื่อกิ่งโพธิ์ใหญ่หักลงมาเอง โดยไม่ต้องตัด ต้องไปรบกวนผู้ใดให้มาช่วยตัดเช่นนั้น
ท่านเจ้าอาวาสได้ให้ นางจันทร์ชาวบ้านในย่านนั้นมาจัดการเลื่อยเป็นท่อนๆ
แล้วเผาถ่านแบ่งกันคนละครึ่งกับทางวัด
หลังจากจัดการเลื่อยเรียบร้อยแล้วก็นำมากองรวมจุดไฟเผา
แต่มันช่างน่าอัศจรรย์ที่ว่า จะเอาอะไรมาทำเชื้อไฟ ไม้โพธิ์นั้นก็ไม่ยอมติดไฟ
ตรงกันข้ามตัวนางจันทร์เองกลับมีรอยไหม้พองไปทั้งตัวหูตาก็ดับมืดมองอะไร
ฟังอะไรไม่รู้เรื่อง มีอาการทรมานเป็นที่สุด
จากนั้นเพียงไม่กี่คืนหลวงพ่อเงินก็มาดุกล่าวนางจันทร์ในฝันว่า
"กูให้ของดีมึงไว้ใช้ มึงกลับไม่รู้คุณค่าเอาไปเผาเสียอีก"
เมื่อนางจันทร์ตกใจตื่น ทบทวนความฝันดีแล้ว ก็นำดอกไม้ ธูปเทียน เท่าอายุของตนเอง
มาขอขมาลาโทษ ต่อหน้ารูปหล่อของหลวงพ่อเงิน เพียงไม่กี่วันอาการต่างๆของนางจันทร์ก็คืนสู่ปกติ
เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2514 ต้นโพธิ์ของหลวงพ่อเงินก็มีอันต้องแตกดับลง
คราวนี้ไม่ใช่กิ่งหักเช่นครั้งก่อน หากแต่หักลงมาทั้งต้น โดยไม่มีลมพายุ
หรือฝนฟ้าคะนองเลย อยู่ๆดีก็หักลงมาเอง บทเรียนที่เกิดขึ้นกับนางจันทร์ในครั้งก่อน
เตือนใจให้ชาวบ้านได้ดีทีเดียว
ทุกคนต่างพากันนำกิ่งโพธิ์เล็กบ้างใหญ่บ้างไปแกะเป็นพระไม้โพธิ์
หรือวัตถุมงคลอื่นๆกัน จนกระทั่งไม่มีอะไรเหลือให้เห็นอีก จึงเป็นอันว่า
แม้แต่ต้นโพธิ์อธิษฐานของหลวงพ่อก็ยังไม่พ้น "อนิจจัง"
เมื่อปี พ.ศ. 2515 ทางวัดได้จัดให้มีพิธีพุทธาภิเษก วัตถุมงคลต่างๆ
อยู่นั้น ดวงอาทิตย์ที่กำลังเจิดจ้าอยู่ตอนเที่ยงวัน
พลันก็มีแสงทรงกลดขึ้นเป็นวงล้อมรอบ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นยิ่งนัก
พอตกตอนกลางคืนก็เกิดจันทรุปราคาขึ้นอีก
ชาวบ้านต่างตีเกราะเคาะวัตถุยิงปืนให้เกิดเสียงดังขึ้นตามประเพณีที่เชื่อกันมาแต่สมัยโบราณว่า
เมื่อเกิดเสียงดังราหูจะคลายจันทร์ออกมา ผู้ที่อยู่ในงานก็ยกปืนยิงไปทางต้นไม้
ที่ติดภาพโฆษณาซึ่งมีรูปหลวงพ่อเงินอยู่ด้วย
ปรากฎว่ายิงไม่ออกเลยจึงเฮโลเข้าไปเก็บเอาไว้ บ้างก็ซื้อขายกันด้วยราคาค่อนข้างสูง
ของดีอีกอย่างก็คือ
"สัปคับช้าง" หรืออานที่ใช้นั่งบนหลังช้างนั้นเอง
เป็นอาสนะที่หลวงพ่อใช้รองนั่ง
บนหลังช้างเวลาออกไปทำการบวชให้กับบุตรหลานของชาวบ้านไกลๆ เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อแล้ว
ทางวัดก็ได้นำไปไว้หลังพระอุโบสถเก่า ต่อมามีผู้ขอไปตัดแบ่งทำตระกรุดบ้าง เครื่องรางของขลังอื่นๆอีก
จนไม่มีเหลือแม้แต่เศษเล็กๆน้อยๆ
ต้นละมุด ก็ไม่พ้นกฎธรรมดาของโลก
เมื่อทุกๆอย่างในสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ต่อมาก็ทะยอยจากไปก็มาถึงต้นละมุด
ขึ้นอยู่หน้ากุฎิหลวงพ่อ ที่หลวงพ่อใช้เป็นที่ให้ผู้ที่ต้องการรดน้ำมนต์นั่งตรงใต้
ละมุดต้นนี้ เป็นการตายที่แปลกๆ แต่ตามปรกตินั้นต้นไม้ถ้าเวลาตายใบก็จะร่วงหมดก่อน
แล้วลำต้นจึงแห้งตาย
แต่ละมุดต้นนี้ถึงแม้จะตายไปแล้วหลายเดือนแต่ใบก็ยังอยู่ในสภาพเดิม
แม้จะแห้งกรอบไปแล้ว ภายหลังก็มีผู้มาขอไปส่วนหนึ่ง นำไปแกะเป็นพระต่างๆ
ไปทำตะกรุดและวัตถุมงคลอื่นๆอีก ปรากฎว่ากันปืน กันระเบิดได้ดีนัก
และก็เช่นเดียวกันอีกนั้นและครับทุกท่านๆ แม้แต่รากเล็กๆน้อยๆ
ก็ไม่มีเหลือให้เห็นอีกเช่นเคย
Cr.อ้างอิงแหล่งข้อมูล :
สำนักพิมพ์วิศรุต, นิตยสารเตโชทิพย์
|