พระเกศาครูบาเจ้าศรีวิชัย พิมพ์นั่งมารวิชัย(ปางชนะมาร) ยุคต้น เป็นพิมพ์ที่หายากมากพิมพ์หนึ่งพบเห็นไม่กี่องค์
พิมพ์นี้มีลงอยู่ในหนังสือเก่าตีพิมพ์เมื่อ ปี 2538 และองค์นี้ด้วยความศรัทธาเจ้าของเดิมได้ใส่เส้นเกศาครูบาฯที่เก็บรักษาไว้ด้านหลังองค์พระ
และเส้นเกศาครูบาเจ้าศรีวิชัยได้แปรเปลี่ยนเป็นเกศาธาตุตามหลักการพิจารณาเกศาธาตุและมีพระธาตุเสด็จมาเกาะที่เส้นเกศา
ส่วนหนึ่งมีความเชื่อว่ามาจากพระปฏิปทาด้านสมาธิกรรมฐาน
การแปรสภาพของเส้นผมตลอดจนส่วนอื่นๆนั้นเป็นระดับของบุคคลที่บรรลุธรรมชั้นพระอนาคามีและพระอรหันต์
ทั้งนี้ต้องเป็นพระอริยะเจ้าที่ชำนาญในฌานหรือเป็นที่รักของเหล่าเทวดาและบางท่านอาจตั้งจิตอธิษฐานเอาไว้ให้ธาตุของตนเป็นพระธาตุเพื่อเป็นที่สักการะของมนุษย์และเทวดาเป็นไปเพื่อให้เกิดกุศลทำให้ผู้กราบไหว้ได้บุญเป็นทุนไปสู่สุคติภพ
การแปรสภาพของเส้นเกศามีหลายลักษณะดังนี้
1 แปรโดยเข้ามารวมกันจนเป็นก้อนกลม
2 แปรโดยเส้นเกศาขย่งตัวมาเกาะกันแล้วเกิดเป็นเม็ดพระธาตุขึ้นมา
3 เกิดพระธาตุเสด็จลงมาในเส้นเกศาที่เก็บไว้
ส่วนลักษณะพระธาตุจากเส้นเกศานั้นมีหลากหลายลักษณะเช่นเป็นเม็ดดั่งก้อนกรวด
เป็นแก้วใส เป็นสีขาวดั่งมะลิ
กล่าวกันว่าการปฏิบัติธรรมเพื่อแผดเผากิเลสนั้นอำนาจจากทั้งทางด้าน
สมถะฌานและอำนาจจากการพิจารณาของปัญญานั้นนอกจากจะซักฟอกจิตให้บริสุทธิ์แล้วยังมีอานุภาพซักฟอกและแปรสังขารร่างกายให้เป็นธาตุหรือพระธาตุได้ด้วย
ยิ่งท่านใดที่ผ่านการเพ่งพิจารณาสังขารมามากและทรงสังขารให้พลังจิตซักฟอกธาตุขันธ์ยิ่งทำให้เส้นผมหรือเล็บของท่านกลายเป็นพระธาตุได้ง่าย
ธาตุที่เกิดจากการแปรของสังขารถือว่าเป็นธาตุที่บริสุทธิ์
และถือว่าเป็นธาตุที่ได้ซึมซาบพลังบริสุทธิธรรมอันเกิดจากอำนาจทางด้านสมถะคืออำนาจจากฌาน
๑ถึงฌาน ๔ บางกรณีพระอริยะเจ้าบางท่านยังสามารถเจริญไปถึงอรูปฌาน และสิ่งสำคัญคือ
อำนาจฝ่ายปัญญาวิมุตติอำนาจจากพลังแห่งวิปัสสนาที่เพ่งเพียรแผดเผาค้นคว้าหาทางแก้ไขอวิชชาจนสามารถถอดถอนกิเลสน้อยใหญ่ได้ทั้งปวง
อำนาจจากสองฝ่ายนี้เมื่อซึมซาบลงไปในส่วนกายสังขารนอกจากทำให้สังขารเปลี่ยนแปลงยังทำให้ธาตุในส่วนนั้นๆ
กลายเป็นวัตถุที่มีพลังเหนือโลก
สามารถส่งรัศมีคุ้มครองหรือเสริมสร้างสิริมงคลแก่ผู้เลื่อมใสศรัทธาตลอดจนบ้านเรือนที่อยู่อาศัย
ด้วยความศรัทธาที่ไม่มีที่สิ้นสุด
|