รูปถ่ายซีเปียครูบาเจ้าศรีวิชัย พัดคณะราษฎร์ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
ปี พ.ศ.2475 ขนาดรูป 3*4 นิ้ว ไม่รวมการด์ เดิมๆ เป็น Act. ที่หายากภาพหนึ่ง กระดาษเรียบมัน
รูปไม่ถึงขั้นสวยแชมป์แบบนี้เรียกว่า Classic
เพชรก็คือเพชร กาลเวลาผ่านไปแค่ไหน ยังส่องแสงเจิดจร้าไม่มีวันเปลี่ยน
ก็เลยขอนำบทความของผู้หลักผู้ใหญ่ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่พูดถึงครูบาเจ้าศรีวิชัย
ต่างแช่ซ้องสรรเสริญในครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา
ขอนำบทความบางช่วงบางตอนที่พูดถึงครูบาเจ้าศรีวิชัย ในมติชนสุดสัปดาห์มาเผยแพร่
ในสยามประเทศ ณ ปัจจุบันนี้ ในสายตาของ ส.ศิวรักษ์ เหลือเพียงแค่สายเดียวแล้วเท่านั้น
ที่มีความเคร่งครัดเป็นพระแท้เหมือนครูบาเจ้าศรีวิชัยคือ สายของ พระอาจารย์ชา
สุภทฺโท แม้จะเป็นสายที่ยอมรับอำนาจรัฐก็ตาม
ส่วนท่าน พุทธทาสภิกขุ ก็ถือว่าเคร่งครัดเช่นกัน
แต่ขาดองค์ประกอบที่แตกต่างจากครูบาเจ้าศรีวิชัย คือท่านพุทธทาสไม่มีศาสนทายาท
สวนโมกข์จึงเหมือนตายไปแล้วพร้อมกับตัวท่าน ผิดกับสายหลวงปู่ชายังมีผู้สืบทอด
ดังนั้น การที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยมีความเป็นอมตะจวบจนทุกวันนี้
ก็เนื่องมาจากท่านมุ่งวางรากฐานให้คณะสงฆ์ในท้องถิ่นเป็นสำคัญด้วย
พระพยอม กลฺยาโณ กล่าวว่า การพูดถึงคนดี ทำให้ปากมีบุญไปด้วย
การที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยสร้างเสนาสนะจำนวนมหาศาลในยุคนั้น
เป็นกุศโลบายที่ต้องการดึงคนมาร่วมบำเพ็ญธรรมด้วยกันในยุคที่เพิ่งฟื้นฟูบ้านเมือง
ท่านต้องการให้วัดเป็นสถานที่สำหรับสร้างทานบารมี ศีลบารมี และภาวนาบารมี
คือเน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่าสร้างเพื่ออวดเบ่งบารมีเหมือนยุคทุนนิยมในสมัยนี้
ครูบาเจ้าศรีวิชัยถูกกล่าวหาว่ากระด้างกระเดื่อง
ถูกส่งตัวมาให้ส่วนกลางพิพากษาโทษ แต่สุดท้ายสมเด็จพระมหาสมณเจ้า
กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราช
เมื่อได้พูดคุยกับครูบาเจ้าศรีวิชัยกลับพบว่า
พระศรีวิชัยเป็นผู้มีความอ่อนน้อม
เพียงแต่ยังไม่เข้าใจกฎหมายสงฆ์ฉบับใหม่ เป็นผู้อดทน ใจเย็น ไม่เถียงใคร
ไม่ออกอาการดื้อรั้น เยือกเย็น
พระพยอมเปรียบเปรยว่า ไม่เหมือนพระสงฆ์ยุคนี้ที่มีแต่พวก หัวร้อน แตะต้องอะไรนิดหน่อยไม่ได้เลย
นี่คือจุดเด่นของครูบาเจ้าศรีวิชัย ดังที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
(ปยุต ปยุตฺโต) เคยกล่าวว่า จิตที่สงบจะทำให้เกิดปัญญา แล้วเอาปัญญามาแก้ปัญหา ครูบาเจ้าศรีวิชัยใช้วิธีดังกล่าวในการแก้ปัญหา
พระพยอม กลฺยาโณ มองว่า
ความโดดเด่นของครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ทำให้ชื่อเสียงของท่านอมตะค้ำฟ้าคือ
เป็นผู้มีอัตถจริยา หรือการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
ภาษาสมัยใหม่เรียก จิตอาสา
การที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยสามารถคล้องใจคนล้านนาได้มากที่สุดเพราะอะไร
มิใช่เพราะธรรมะข้ออัตถจริยาดอกหรือ
โครงการสาธารณประโยชน์ทุกอย่างสำเร็จได้โดยที่ไม่ต้องใช้งบประมาณหลวงแม้แต่บาทเดียว
ถ้าจะตามรอยครูบาเจ้าศรีวิชัย สานุศิษย์ทุกคนต้องบำเพ็ญอัตถจริยา
เห็นถนนหนทางบ้านเมืองตรงไหนไม่เรียบร้อยต้องช่วยกันทำนุบำรุงซ่อมแซม
แต่นี่คืออัตถจริยาขั้นพื้นฐาน
อัตถจริยาขั้นสูงที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยปฏิบัติคือ
การที่ท่านมองเห็นความจริงแท้ของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ว่า
เครื่องประดับขัตติยนารีทั้งหลาย ล้วนแต่เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เป็นสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ แต่คนทั่วไปคิดว่ามีประโยชน์
แม่น้ำคงคาและแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าสาย
แม้จะเอาบาปไปล้างก็ไม่หายมลทิน
บารมีของครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ล้นฟ้าชั่วกัลป์ ควรถือเป็นต้นแบบคือ การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม น่าคิดว่าลำพังแค่ ศีลบริสุทธิ์ แต่หากไม่มีการช่วยเหลือชุมชนเลย
ความโดดเด่นของครูบาเจ้าศรีวิชัยจะยิ่งใหญ่เท่านี้หรือไม่
Cr.
ที่มาจากมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3-9 สิงหาคม พ.ศ.2561
|